'วันออริจิ้น' ปั้นมิกซ์ยูส 2 หมื่นล. ชูโมเดล 'โอเพ่น แพลตฟอร์ม'
ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว คนมีความต้องการที่หลากหลาย การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงลำพังจึงไม่ใช่เรื่องง่าย การจับคู่ “พันธมิตร” จึงกลายเป็นทางออกในการแก้ปัญหา หรือ pain point ของผู้บริโภค
อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด มองเทรนด์การพัฒนาอสังหาฯ ในยุคปัจจุบันว่า โครงการอสังหาฯเชิงพาณิชย์ทั่วโลก เริ่มเปลี่ยนจากการเป็นเจ้าของรายเดียวเป็นการหาผู้ร่วมทุนในการพัฒนา (Joint Venture) ข้ามพันธมิตรต่างธุรกิจต่างเซ็กเตอร์มากขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและแปลกใหม่ในการพัฒนาพื้นที่ ตอบโจทย์ในยุคที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต้องการสิ่งใหม่ๆ ในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทำให้เทรนด์มิกซ์ยูส กลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงและประสบความสำเร็จ เพราะผู้บริโภคในยุคปัจจุบันต้องการที่อยู่อาศัยให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นเดียวกันกับโรงแรม ตลอดจนความต้องการที่ยืดหยุ่นทั้งเวลาการใช้ชีวิตและการทำงาน
ด้าน กมลวรรณ วิปุลากร ประธานกรรมการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income)ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มองโอกาสในการพัฒนาธุรกิจว่า การเติบโตที่ผ่านมาธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากต้องการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาฯเชิงพาณิชย์ อาทิ โรงแรม อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก หรือ มิกซ์ยูส เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนรองรับการเติบโตในระยะยาว
โดยหากวัน ออริจิ้น รุกพัฒนาธุรกิจเพียงรายเดียวไม่สามารถขยายการเติบโตได้อย่างหลากหลายในเวลารวดเร็ว จึงเลือกออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ “โอเพ่น แพลตฟอร์ม : เติบโตไปด้วยกัน” ดึงพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละธุรกิจเข้ามาร่วมทุน เสริมทัพ ทั้งต่างชาติ และในประเทศ ให้เติบโตไปพร้อมกัน (Win-Win Situation) โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการเงินทุนและประสบการณ์ ร่วมกันสร้างสรรค์โครงการให้มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย
สำหรับโมเดลธุรกิจที่เลือกจะเปิดกว้างหลากหลายใน 5 รูปแบบ ได้แก่1.การลงทุนในลักษณะพันธมิตรร่วมทุน (JV Partner) 2.การเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมในเครือ (Hotel Operator) 3.การเข้ามาเป็นผู้เช่าพื้นที่ (Tenant) 4.ผู้บริหารพื้นที่เช่า (Property Leasing and Management) 5.เจ้าของที่ดิน (Land Owner)ที่มีที่ดินพร้อมร่วมลงทุนพัฒนากับวัน ออริจิ้น ซึ่งโมเดลนี้ บริษัทเปิดกว้างสำหรับบริษัทอื่นๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ
ด้าน ปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า แผนการร่วมทุนหาพันธมิตรขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาหลากหลายด้าน โดยที่ร่วมทุนไปก่อนหน้าคือ โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด อสังหาฯรายใหญ่ของญี่ปุ่น โดยพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส 2 โครงการ ขณะเดียวกันกำลังหารือกับเจ้าของที่ดินที่เก็บสะสมที่ดิน (แลนด์ลอร์ด)เนื่องจากกำลังได้รับผลกระทบต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค.2563 นี้ ทำให้ต้องการนำที่ดินมาพัฒนาให้มีมูลค่า
“มีแลนด์ลอร์ดหลายรายที่เข้ามาเจรจากับวัน ออริจิ้น เพราะต้องการคนมีประสบการณ์มาพัฒนาที่ดิน เราก็ต้องการที่ดิน จึงเปิดกว้างในการเจรจากับหลากหลายพันธมิตร”
ขณะเดียวกันยังเตรียมเข้าไปเจรจากับเจ้าของเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ในทำเลที่มีศักยภาพใกล้แนวรถไฟฟ้า เข้าไปเสนอการร่วมทุน เพื่อขยายการลงทุนปรับปรุง ตกแต่ง (Renovate)ยกระดับเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ซึ่งกำไรต่ำกว่าให้เป็นโรงแรมราคาประหยัด (Budget) โดยวัน ออริจิ้น จะพัฒนาแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยเสนอการร่วมลงทุนบริษัทถือหุ้น 51%และเจ้าของเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ถือหุ้น 49%ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือประมาณ 2 ราย คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2564 และยังมีแผนเข้าไปเจรจาเพิ่มต่อเนื่อง ในทำเลที่น่าสนใจ
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการยังคงดำเนินการเป็นไปตามแผน 5 ปี (ปี 2561-2566) ลงทุนรวม 12,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการรวม11โครงการ มูลค่าสินทรัพย์รวม 20,000 ล้านบาท กระจายเปิดตัวในทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงตามแนวรถไฟฟ้า เปิดตัวไปแล้ว 8 โครงการ ภายในปี 2565 จะมีโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ รวมจำนวน3,420ห้องพัก ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ มุ่งเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (Business Purpose) และกลุ่มโรงแรมราคาประหยัด และมีธุรกิจ Commercial Space เช่น อาคารสำนักงานให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก รวมไม่น้อยกว่า16,000ตร.ม.
โดยการพัฒนาโครงการดังกล่าว ตั้งเป้าจะสร้างกำไร 500 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2568 โดยผลักดันให้รายได้จาก วัน ออริจิ้น มีสัดส่วนสร้างรายได้ประจำ 15-20% ให้กับบมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทแม่