"Media Sector" (20 มี.ค.63)
ปีแห่งความยากลำบาก
Event
มุมมองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมในปี 2563
Impact
ยอดโฆษณาในปี 2563 จะถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ และการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจ TV
เมื่ออิงประมาณการ GDP ประเทศไทยล่าสุดของ KGI ที่คาดว่าจะโต 0.1% ในปี 2563 และ 7.5% ในปี 2564 เราคาดว่ายอดโฆษณาในปี 2563 จะอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท (-5% YoY) โดยคาดว่าโฆษณาบนสื่อแบบดั้งเดิมจะลดลง 9% YoY เหลือ 9.7 หมื่นล้านบาท ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ายอดโฆษณาบนสื่อดิจิตอล (Facebook, You Tube และ Line ฯลฯ) จะโต 15% YoY เป็น 2.3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เราคาดว่าสื่อแบบดั้งเดิมจะถูกกดดันจาก i) ภาวะเศรษฐกิจที่โตต่ำ ii) การแข่งขันที่รุนแรงและการใช้กลยุทธ์ตัดราคาในธุรกิจทีวีซึ่งเป็นสื่อหลักที่มียอดโฆษณาสูงที่สุด หรือคิดเป็นสัดส่วน 57% ของยอดโฆษณาทั้งหมดในปี 2562
หุ้นทุกตัวในกลุ่มที่เราศึกษาจะได้รับผลกระทบด้านลบจาก COVID-19
เราคาดว่าหุ้นทุกตัวในกลุ่มสื่อที่เราศึกษา ซึ่งได้แก่ บมจ. บีอีซี เวิลด์ (BEC.BK/BEC TB)* บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR.BK/MAJOR TB)* บมจ. โมโน เทคโนโลยี (MONO.BK/MONO TB) บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB.BK/PLANB TB)* และ บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
(WORK.BK/WORK TB) จะได้รับผลลบจากการระบาดของ COVID-19 โดยคาดว่า MAJOR จะถูกกระทบหนักที่สุดเนื่องจากจำนวนผู้เช้าชมภาพยนตร์จะลดลงในช่วงที่เกิดโรคระบาด บวกกับโปรแกรมหนังเด็ดจาก Hollywood ก็ถูกเลื่อนฉาย
คาดว่ากำไรโดยรวมของหุ้นกลุ่มสื่อที่เราศึกษาจะลดลง 43% ในปี 2563
เราได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-2564 ของหุ้นกลุ่มสื่อที่เราศึกษาทั้ง 5 บริษัท เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้นไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิรวมของหุ้นดังกล่าวจะอยู่ที่ 601 ล้านบาท (-43% YoY) เพราะถูกฉุดจากผลประกอบการของ MAJOR และ WORK ทั้งนี้เรา
คาดว่าผลประกอบการของ MAJOR จะชะลอตัวลงแรงที่สุดในกลุ่มในปี 2563 (-39% YoY) รองลงมา คือ WORK ซึ่งคาดว่าจะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 13 ล้านบาทในปี 2563 อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรของหุ้นกลุ่มสื่อที่เราศึกษาจะกลับมาโตได้ถึง 107% YoY ในปี 2564 จากการที่กำไรของ MAJOR ฟื้นตัวแรงหลังจากที่สถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลงไป และโปรแกรมหนังเด็ดที่ถูกเลื่อนจากปี 2563 ไปเป็นปี 2564 อย่างเช่น Fast and Furious 9 เข้าโรงฉาย
Stocks for action
เราปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มสื่อลงจาก เท่ากับตลาด เป็น น้อยกว่าตลาด เนื่องจากผลประกอบการที่ชะลอตัวลง YoY ในปี 2563 และแนวโน้มที่อ่อนแอในระยะยาว เรายังคงเลือก PLANB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มเนื่องจากคาดว่ากำไรในปี 2563 จะแข็งแกร่งกว่าหุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มที่เราศึกษา บวกกับแนวโน้มที่แข็งแกร่งของงานโครงการใหม่ ๆ (จอดิจอตอลในสาขาร้าน 7-Eleven และสิทธ์ิในการบริหารจัดการป้ายโฆษณาของ MACO) แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าในระหว่างที่ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โตเกียว จะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาหุ้น PLANB ต่อไปในระยะสั้น
Risks
ยอดโฆษณาชะลอตัวลงมากกว่าคาด