‘เอพี’ผุดวอร์รูมรับมือวิกฤติโควิด
‘เอพี ไทยแลนด์’ ตั้งทีมวอร์รูมเกาะติดวิกฤติโควิด-19 เดินหน้ากระตุ้นยอดโอนโครงการในไตรมาสสอง
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า ขณะนี้เอพี ได้ตั้งทีมวอร์รูมเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะวันนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของวิกฤติ คาดว่า ภายในเดือนเม.ย. จะเห็นความชัดเจนขึ้น
นายวิทการ ยังกล่าวว่า ปัจจุบันยอดขายเอพี (ณ 15 มี.ค.) อยู่ที่ 5,690 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวสูง 880 ล้านบาท แนวราบ 4,810 ล้านบาทสะท้อนให้เห็นว่าสินค้าแนวราบยังไปได้ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและยังมีลูกที่มีความต้องการซื้อ ส่วนคอนโดมิเนียม ปีนี้เทียบกับปี2562 ยอดขายลดลง เนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้ ยังไม่มีการเปิดตัวโครงการ ยอดขายที่มีอยู่มาจากโครงการปัจจุบันที่มีอยู่
“จากยอดขายไตรมาสแรก ในภาวะที่โควิด-19 ระบาด ถือว่าทำได้ดี จากนี้ไปจนถึงเดือน เม.ย. มีแผนที่จะโอนกรรมสิทธิ์คอนโด เริ่มจากโครงการไลฟ์ ลาดพร้าว ในเดือนมี.ค.นี้ ขณะเดียวกันยังมีโครงการโอนฯต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการไลฟ์ วัน ไวร์เลส โครงการไลฟ์ สุขุมวิท 62 รวมทั้งยังมีการโอนคอนโดสร้างไปขายไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในด้านไฟแนนเชียลเป็นกรณีๆไปเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการดำเนินการในแต่ราย โดยเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินที่เข้ามาช่วยดูแลลูกค้าให้สะดวกในการจ่ายเงิน”
นายวิทการ ยอมรับว่า ปัจจุบันทำเลย่านลาดพร้าว อาจมีการโอเวอร์ซัพพลายในบางเซกเมนต์ เนื่องจากที่ดินย่านนี้พัฒนาโครงการคอนโดในหลายๆเซกเมนต์ แต่ด้วยระดับราคาของโครงการไลฟ์ ลาดพร้าว ที่เริ่มต้น 130,000-140,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ทำให้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้มาตรวจรับโอนจำนวน 200 คนหรือคิดเป็น 95% ของจำนวนลูกค้าที่มาตรวจรับโอนในเฟสแรก รับมอบห้องทันทีหลังตรวจเช็ค แสดงให้เห็นว่า ยังคงมีดีมานด์ในย่านนี้ ส่วนแผนงานของโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวปลายปี 2563 ขณะนี้ยังดำเนินการตามแผน แต่ต้องเกาะติดสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน
นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการ บริษัท บางกอกซิตี้สมาร์ท จำกัด (บีซี) กล่าวว่า จากข้อมูลยอดขาย (take-up rate) คอนโดแนวรถไฟฟ้า 5 แยกลาดพร้าวสูงถึง 82% ซึ่งสูงกว่าสถานีพหลโยธิน24 และรัชโยธิน จึงเหมาะที่จะลงทุนซื้อปล่อยเช่า แต่ภาพรวมของลูกค้าย่านนี้จะเป็นคนไทยมากกว่าต่างชาติ คิดเป็นสัดส่วน 89% ที่เหลือ 11% เป็นต่างชาติที่อยู่ในไทย ถือเป็นเรียลดีมานด์