ไม่เลือกงาน..ไม่ยากจน!!
โควิด เอฟเฟคท์ เศรษฐกิจชะงัก ธุรกิจบางส่วนถูกแช่แข็ง องค์กรปรับตัวเพื่อรอด ลดคน ลดเงินเดือน เลิกจ้าง!! กระเทือนคนไทยตกงาน 3 ล้านราย!! ในวิกฤติ ยังมีโอกาส ส่องอาชีพ “ทำเงิน” ยุคโรคระบาดลามไทย
ในวันที่ประชนกว่า 7,000 ล้านชีวิตทั่วโลก กำลังเผชิญการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รัฐบาลหลายประเทศถูกท้าทายถึงมาตรการรับมือและแก้ไขวิกฤติรอบด้าน ตั้งแต่การจำกัดการแพร่ระบาดของโรค หาทางลดจำนวนผู้ป่วย และเสียชีวิต แต่อีกด้านหนึ่งที่เหมือนเป็น “เงามืด” ซึ่งทุกคนรับรู้ สัมผัสได้ นั่นคือภาพ “เศรษฐกิจ-ธุรกิจ” ที่กำลังพังพาบไปต่อหน้าต่อตา
แม้ “ชีวิต” ผู้คนบนโลกสำคัญ แต่หากมองมิติด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจ และรายได้ประชาชนในห้วงเวลานี้ ถูก “โควิด-19” ทุบซ้ำแทบไม่มีชิ้นดี เพราะทุกหยุด! “เชื้อโรค” ทุกคนต้องอยู่ในบ้าน ทำงานจากบ้าน(Work from Home) กิจการค้าขาย ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ผับ บาร์ ต้องปิดให้บริการ อาคารสำนักงานบางส่วนปิดเพื่อให้คนทำงานที่บ้าน ร้านอาหารค้าขายได้แต่เปิดบางส่วน อีเวนท์จัดไม่ได้ เพราะการรวมตัวกันของผู้คน “เสี่ยง” ติดต่อโรค
“ท่องเที่ยว” หนึ่งในเซ็คเตอร์ที่เจผลกระทบสาหัส!! สุด ไม่แค่ไทยแต่ทั่วโลก เมื่อหลายประเทศปิดเมือง(Lock Down) “ธุรกิจสายการบิน” ต้องหยุดบิน การนำคนเคลื่อนย้ายไปยังประเทศต่างๆหายวัย โรงแรมไร้คนเข้าพัก ฯ ส่งผลต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่อยู่ในห่วงโซ่ล้มระเนระนาด
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้คน “ตกงาน” มหาศาล ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงาน “COVID-19 and the world of work: Impacts and responses” จะมีประชาชนทั่วโลกตกงานประมาณ “5.3-24.7 ล้านตำแหน่ง” เป็นจำนวนที่ “สูงกว่า” วิกฤติการเงินโลกปี 2551-2552 ที่มีคนตกงาน 22 ล้านตำแหน่ง
ส่วนประเทศไทย ภาครัฐมีการประเมินว่าผลกระทบจากโรคโควิด-19 จะทำให้มีคนตกงานราว “3 ล้านคน” จึงคลอดมาตรการเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยผู้ได้รับผลกระทบต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com
“ตกงาน ขาดรายได้” เป็นเรื่องใหญ่ของคนทุกคน แต่ใช่ว่าห้วงเวลาที่เลวร้าย “ทางเลือก” มีเสมอ
สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทด้านแรงงานระดับโลกและจัดหาแรงงานเอาท์ซอร์ส ฉายภาพตลาดแรงงาน การจ้างงานในปัจจุบัน “ชะลอตัว” มาตั้งแต่ต้นปี ก่อนหน้าจะมีโรคโควิด-19 ระบาดแล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบอุปสงค์อุปทานของตลาดในและต่างประเทศ ทว่า โรคระบาดทุบซ้ำสถานการณ์มากขึ้นทำให้เกิดการ “ลดวันทำงาน-เลิกจ้าง” เพิ่มสูงขึ้น
โลกไม่ได้มีแค่ด้านร้าย เพราะสัญญาณบวกในการจ้างงานยังมี เพราะหลายธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และความอยู่รอดขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดทัพรุกออนไลน์ ทำให้ธุรกิจ “อีคอมเมิร์ซ”ยังคงร้อนแรง ความต้องการคนทำงานทั้งหยิบจับ แพ็คสินค้า โลจิสติกส์ ซัพพลายเชนต่างๆ จึงเพิ่มตามไปด้วย
นอกจากนี้ ธุรกิจที่มีหน้าร้าน เมื่อปิดให้บริการ ต้องโยกไปค้าขายผ่านออนไลน์แทนโดยปริยาย ส่วนสินค้า เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย น้ำยาฆ่าเชื้อโรค สินค้าเพื่อสุขภาพ แม้กระทั่งสินค้าแฟชั่น อาหารการกิน ฯ ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาด พ่อค้าแม่ค้าที่เห็นโอกาสก็เปิดหน้าร้านออนไลน์ทำเงินเช่นกัน
“เมื่อภาครัฐมีนโยบายให้ปิดสถานที่ต่างๆ พ่อค้าแม่ค้าหันมาขายสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ช่วงโควิดทำให้เป็นยุคตื่นทองของอีคอมเมิร์ซอย่างแท้จริง”
สุธิดา กาญจนกันติกุล
ส่วนธุรกิจบริหารจัดการคลังสินค้า ทำให้ต้องเพิ่มพนักงานเช็คสต๊อก พนักงานขับรถโฟล์คลิฟท์ มากขึ้น ด้านธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง กระดาษชำระ ที่ยอดขายเติบโต ก็มีความต้องการคนงานเช่นกัน
อีกกลุ่มที่น่าสนใจในยุคดิจิทัลมีอิทธิพล พ่วงโควิดระบาด หลายองค์กรให้พนักงานทำงานที่บ้าน(Work From Home)ส่งผลให้ คือคนแวดวงเทคโนโลยี ไอที ทั้งโปรแกรมเมอร์ บริการแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์(IT helpdesk) เป็นที่ต้องการของตลาด
ธุรกิจบริการทั้งเก่าและใหม่เกิดขึ้นอย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นบริการซ่อมมือถือ บริการตัดผมถึงบ้าน รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ เพราะทำงานที่บ้านได้
จะวิกฤติเศรษฐกิจ หรือโรคระบาด “ธุรกิจร้านอาหาร” อาจดูไม่สดใส แต่เมื่อคนอยู่บ้าน และสั่งอาหารทานเหมือนเดิม การตระเตรียมแม่ครัว พนักงานแพ็ค ส่งอาหาร ยังเป็นที่ต้องการไม่น้อย เช่นเดียวกับธุรกิจค้าปลีก แม้หน้าร้านปิด แต่การหยิบจับ แพ็ค ส่งสินค้า แคชเชียร เช็กสต๊อก ยังเดินหน้าต่อ
ส่วนที่ “ขาขึ้น” สุดๆ และเป็น “ยุคทอง” หนีไม่พ้นการขนส่งโดยบุคคลที่3หรือ “เดลิเวอรี่” เพราะนาทีนี้ หากออกไปยังร้านอาหารชื่อดัง และเดินทางจะพบแพลตฟอร์มทั้งเก็ท(GET) แกร๊บ(Grab) ไลน์แมน(LINE MAN) ฟู้ดแพนด้า(foodpanda) ลาลามูฟ(LALAMOVE) ฯ วิ่งกันให้ขวักไขว่
ทว่า “ม้ามืด” ประจำปีต้องยกตำแหน่งให้ “ธุรกิจประกัน” เพราะโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคแห่ทำประกันจำนวนมาก จนหลายค่ายต้องปิดระบบ
งานที่มีการขยายตัวมาก โอกาสอ้าแขนรับคนเข้าทำงานจึงมีเพิ่มตามไปด้วย
“สถานการณ์ตอนนี้ทำให้คนทำงานสามารถเปลี่ยนอาชีพได้เลย เช่น ศิลปินมาค้าขาย ถ้าไม่เลือกงาน เราสามารถนำความรู้ที่มีอยู่ ศาสตร์แขนงต่างๆ มาใช้ประกอบอาชีพอิสระอื่นๆได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่เราจะรอดได้ท่ามกลางภาวะวิกฤติโรคระบาดเช่นนี้คือใช้เวลาให้มีค่ามากที่สุด”
นอกจากนี้ ยังมีเทรนด์อาชีพอื่นที่น่าสนใจ เช่น นักการตลาดออนไลน์ กราฟฟิกดีไซน์ มีความสำคัญมากขึ้น เพราะนาทีนี้ ประเทศไทยไม่ได้อยู่ช่วง 2.0 3.0 แต่โรคระบาดเป็นแรงส่งให้ก้าวสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” ได้อย่างรวดเร็ว คนเหล่านี้ต้องพร้อมติดอาวุธสร้างประสบการณ์ตลาดให้ผู้บริโภค
อาชีพนักแปล พิสูจน์อักษร มีบทบาทต่อเนื่อง ขาดไม่ได้ “กลุ่มธุรกิจสุขภาพ” ทั้งแพทย์ พยาบาล เภสัชกรฯ จะเป็นที่ต้องการในตลาดเพื่อรับมือกับโรคระบาด รวมถึงนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่จะมาค้นคว้า หามาตรการป้องกันโรค เพราะนาทีนี้ “ประเทศที่เจริญ” แล้วยังต่อกรกับเชื้อโรคอย่างยากลำบาก
แม้โอกาสหางานทำยังมี แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้ทำงาน จังหวะนี้ สุทธิดา แนะว่าเป็นเวลาที่ “คนทำงาน” ต้องลุกมายกระดับ เพิ่มทักษะ ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างจริงจัง โดย 3 ทักษะ ที่ควรเพิ่มได้แก่ 1.ความสามารถด้านภาษาที่ 2 หรือ 3 เพราะหากต้องการค้าขายออนไลน์ผ่าน แพลตฟอร์ม eBay Amazon ได้ใช้ประโยชน์แน่นอน 2.ทักษะด้านอารมณ์ (Soft Skills) อาศัยช่วงทำงานที่บ้าน หาคอร์สเรียนออนไลน์ได้ 3.ความรู้ด้านดิจิทัล เพราะถูกนำมาใช้มากขึ้น เช่น รายการงานการประชุมฯ
ทั้งนี้ หากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ยังยืดเยื้อ แนะนำให้องค์กร คนทำงานเข้าใจ ตั้งรับ ปรับเปลี่ยนตนเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เดินหน้าพัฒนาระบบไอที เทคโนโลยี เพราะนาทีนี้ประเทศขยับสู่ไทยแลนด์ 4.0 อีกขั้น องค์กรต้องวางแผนด้านกำลังพล(ทรัพยากรมนุษย์)
“องค์กรต้องกำหนดทางเลือกในการบริหารพนักงานว่าจะใช้ พนักงานประจำ พนักงานชั่วคราวหรือสัญญาจ้างเอาท์ซอร์ส ที่สำคัญต้องเพิ่มทักษะคนทำงาน”
อย่างไรก็ตาม โรคระบาดที่เกิดขึ้น สุทธิดา ถอดบทเรียนทิ้งท้ายว่าทุกภาคส่วน องค์กร ผู้นำ คนทำงาน ฯ ต้องอัพเดทสถานการณ์ ความเป็นจริงอย่างถูกต้องรวดเร็ว เป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อช่วยกันลดบทบาทของข่าวลวงหรือ FAKE NEWS และไวรัลต่างๆ ส่วนการบริหารองค์กรที่แตกต่างกันตามระดับชั้น รูปแบบบริหาร ในยุคโควิดต้องเปลี่ยนและวางแผนให้พร้อม มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ประกาศของภาครัฐ
++จากใจคนขับ “GET-Grab”
จะส่งอาหาร ส่งสินค้า ส่งของฯ แอ๊พพลิเคชั่น รวมถึงซูเปอร์แอ๊พทั้ง GET Grab LINEMAN foodpanda และอีกสารพัดแพลตฟอร์มกลายเป็น “ทางเลือก” ของผู้บริโภคในการตอบสนองควาามสะดวกสบาย ยิ่งโควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้แอ๊พฯเหล่านั้นได้รับความนิยมมากขึ้น เป็น “โอกาส” ของคนที่มองหางานสร้างรายได้ “เท่ สันติภาพ ทองมี” ซึ่งขับแกร๊บอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์เล่าว่า ตนเป็นนักศึกษา แต่ต้องการหารายได้เสริม จึงมาสมัครขับแกร๊บเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว
ย้อนไปจุดเริ่มต้นขับแกร๊บ ยอมรับว่ารายได้ดีมาก เพราะตนเองทำเงินได้ถึง 1,400 บาทต่อวัน แต่ปัจจุบันผลกระทบจากโควิดทำให้รายได้ลดเหลือประมาณ 1,000 บาทต่อวัน หรือ 800-900 บาทต่อวันบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนมีรายได้ กำลังซื้อลดลง ทำให้การซื้อสินค้าและบริการน้อยลง ประหยัดเงินไว้ใช้ยามจำเป็นแทน
นอกจากนี้ ผลกระทบโควิดทำให้คนตกงาน จึงส่งผลให้คนเข้ามาขับแกร๊บ เพื่อให้บริการส่งสินค้ามากขึ้น ส่งต่อต่อการแข่งขันและแบ่งเค้กรายได้กันไป ในฐานะผู้ให้บริการในวงการเดียวกัน เห็นชัดว่าบางรายเป็นหัวหน้าครอบครัวผันมาขับแกร๊บมากขึ้น บ้างมาทั้งครอบครัว ซึ่งส่วนตัวไม่มองว่าเป็นการแข่งขัน เพราะในยามวิกฤติทุกคนต้องทำงานหาเงินเพื่อยังชีพ เลี้ยงครอบครัว ความจำเป็นแตกต่างกันไป
“มองว่าการขับแกร๊บ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ตกงาน หรือต้องหยุดงานประจำชั่วคราว เพราะการสมัครง่าย ใช้เวลาไม่นาน ตรวจประวัติ 3 วัน จากนั้นสามารถเริ่มงาน ทำเงินได้ 200-300 บาทต่อวันไม่ยาก แม้ในวงการจะมีคนเข้ามาขับมากขึ้น แต่ผมไม่มองเป็นการแข่งขัน เพราะคนที่เขามีครอบครัว มีลูก และต้องดูแลคนทั้งบ้าน ถ้าโดนให้หยุดทำงานประจำไปเลย ต้องหารายได้ ขณะที่หาเงินใช้ดูแลตัวเองคนเดียว แต่ถ้าไม่ทำงานยังมีครอบครัวคอยซัพพอร์ต”
สำหรับอาหารที่ผู้บริโภคในตัวเมืองนครสวรรค์นิยมสั่งไปรับประทานช่วงกักตัวอยู่บ้าน หรือพนักงานธนาคารที่ยังต้องไปสาขา ไม่ต้องการออกนอกสถานที่ ล้วนเป็นเมนูจากร้านดังในพื้นที่ เช่น นายตี๋ ลูกชิ้นปลากราย 3 รส ข้าว เครื่องต่างๆ โดยอัตราค่าบริการสั่งมากหรือน้อยก็จะอยู่ที่ 5 กิโลเมตร(กม.)แรก 30 บาท จากนั้นจะคิดเพิ่มตามระยะทาง และตนเคยได้ค่าบริการสูงสุด 72 บาทต่อครั้ง ส่งอาหารระยะทาง 13-14 กม.
“ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้อยากให้คนที่ตกงาน งานประจำต้องหยุดทำ ลองเปิดใจหางานอื่นทำ อย่าคิดว่าไม่มีงานให้ทำแล้ว เพราะยังมีหลายทางเลือก หากตั้งใจทำ ไม่เลือกงานผมว่าไม่ยากจน”
สันติภาพ ทองมี - อริยะ ขุนศิริ
ด้าน “ก้อง อริยะ ขุนศิริ” พนักงานขับเก็ท ตั้งคำถามพร้อมคำตอบว่า “การระบาดของโรคโควิด-19 เราทุกคนหลีกเลี่ยงได้เหรอ..ไม่ได้ แต่เราต้องสู้ ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ยอมรับ ปรับตัวและอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
ทั้งนี้ ผลกระทบของโรคทำให้คนตกงานจำนวนมาก นาทีนี้การไม่เลือกงานไม่ยากจน ยังใช้ได้ ต่อให้ทุกคนไม่ชอบงานที่ทำ แต่นี่ไม่ใช่จังหวะเลือกงาน ควรทำงานที่มีไปก่อน
ส่วนตัวเคยทำงานประจำ เป็นพนักงานส่งเอกสาร เริ่มงานจนกระทั่งเลิกระหว่าง 08.30-17.00 น. ส่งเอกสาร 10-20 รอบ ได้ผลตอบแทน 500-600 บาทต่อวัน ทำให้หันไปสอบถามเพื่อนๆในวงการที่ขับแกร๊บ ฟู้ดแพนด้า ไลน์แมน ลาลามูฟฯ ไล่เก็บข้อมูลการทำงาน คำนวณและเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของแต่ละค่าย เพื่อประกอบการตัดสินใจ สุดท้ายลาออกเพื่อมาขับเก็ทเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 800 บาทต่อวัน สูงสุดเกินกว่า 1,000 บาท ภายในระยะเวลาทำงานใกล้เคียงกับงานประจำ หากได้รับคะแนนจากแอ๊พฯ จะได้รับโบนัส 800 บาทด้วย
“ตอนนี้คนตกงาน การให้กำลังใจสำคัญ ต้องสู้ แต่สำคัญสุดต้องเข้าใจสถานการณ์ระบาดโรคโควิดเราเลี่ยงการเผชิญไม่ได้ ยอมรับสภาพไปก่อน เพราะการจัดการโรคยังไม่อยู่ตัว จากนั้นปรับตัว ไม่เลือกงาน เวลานี้อาจยังไม่เจองานที่ชอบ แต่ต้องทำไปก่อน ส่วนตัวชอบและสามารถขับรถจักรยานยนต์ได้ 8 ชั่วโมง โดยไม่พัก ซึ่งเหนื่อย แต่ได้เงิน ถือว่าคุ้มค่าการลงทุน ต่างจากทำงานประจำส่งเอกสารทำเกือบตายมีรายได้เท่าเดิม”
อย่างไรก็ตาม ช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ยอมรับว่าคนเข้าสู่วงการขับรถส่งสินค้าจำนวนมาก มีผลต่อการแข่งขัน แต่นโยบายการกักตัวอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน ส่งผลให้ลูกค้าใช้บริการ สั่งสินค้าและบริการมากขึ้นเช่นกัน ถือเป็นการสร้างสมดุลให้กับฝั่งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ
++ส่องธุรกิจอ้าแขนรับคนเพิ่ม
นับตั้งแต่โควิดแช่แข็งธุรกิจ รายได้หดหาย ทำให้กระทบการจ้างงาน แต่มีหลายธุรกิจอ้าแขนรับ “คนตกงาน” อีกเพียบ เช่น ตัวแทนจากบริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ชะลอตัวต่อเนื่อง กระเทือนธุรกิจ ทำให้ประชาชนจำนวนมากอยู่ในภาวะ “ว่างงาน” บริษัทจึงรับพนักงานเพื่อปฏิบัติงานเป็น “สาวยาคูลท์” จำนวนมาก ทำหน้าที่ส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน รับพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ในบ้าน เลี่ยงออกจากที่พักอาศัย เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ
สำหรับคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นสาวยาคูลท์ คือ มีอายุตั้งแต่ 18-40 ปี เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3(ม.3) ขึ้นไป มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วน “ผลตอบแทน” สาวยาคูลท์ จะได้รับเงินเดือนคอมมิชชั่น และสวัสดิการอื่น ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ประกันอุบัติเหตุ มีที่พักอาศัยในรูปแบบหอพักสำหรับสาวยาคูลท์ อีกทั้งสาวยาคูลท์ทุก ๆ คน บริษัทฯ จะมีรถจักรยานยนต์ให้ใช้ในการปฏิบัติงานด้วย ไม่เพียงเท่าน้ัน เพราะสาวยาคูลท์ที่มีครอบครัว บริษัทฯ จะดูแล สนับสนุนด้านการศึกษาสำหรับบุตร โดยมีทุนการศึกษา ค่าเล่าเรียนบุตรของสาวยาคูลท์
ทั้งนี้ บุคคลที่อยู่ในภาวะว่างงาน หรือบุคคลใดที่สนใจปฏิบัติงานเป็นสาวยาคูลท์ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสมัครงาน ได้ที่ เบอร์ 02-619-8008 หรือทางเว็บไซต์ www.yakultthailand.com
อีกธุรกิจที่มาแรงคือการส่งพัสดุ และไม่พลาดที่ “แฟลช เอ็กซ์เพรส” จะลุกขึ้นมาช่วยคนไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วยการเปิดรับสมัครลูกจ้างตกงาน มาร่วมเป็นพนักงานรับ-ส่งพัสดุรายวัน จำนวนมาก และให้ “ค่าตอบแทน” สูงถึง 1,200 บาทต่อวัน(ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท)
จรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ Country Partner บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด (FLASH EXPRESS) กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการเป็นอีกหนึ่งพลังในการช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการถูก “เลิกจ้าง” ท่ามกลางผลกระทบโรคโควิด-19 ระบาด เพื่อให้ลูกจ้างตกงานได้มีงานทำ นำเงินไปเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างไม่ลำบาก
ปัจจุบันธุรกิจขนส่งเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญในระบบการค้า หนุนให้หลายภาคส่วนยังคงดำเนินการต่อได้ ขณะเดียวกันภาคขนส่งยังเป็นธุรกิจที่เจอโควิดเอฟเฟคท์น้อย เมื่อเทียบธุรกิจอื่นๆ จึงต้องการเพิ่มโอกาสและทางเลือกให้แก่สังคม โดยผู้ที่ขาดรายได้สามารถมาร่วมเป็นพนักงานรับ-ส่งพัสดุรายวันกับบริษัท เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นพนักงานขนส่งพัสดุรายวัน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Flash Express career (https://www.facebook.com/Flash.express.career/) หรือติดต่อสอบถามได้ที่ โทร : 09 5783 6764 และ 09 5460 8643
ขณะที่ “ลาลามูฟ” ผู้ให้บริการรับ–ส่งสินค้าตามความต้องการ (On-demand Delivery Service) 24 ชั่วโมง เปิดรับพนักงานเพิ่มเช่นกัน โดย รวีโชติ เศรษฐี กรรมการผู้จัดการ ลาลามูฟ ประเทศไทย ระบุว่า ในภาวะวิกฤติโควิด-19ระบาด ประชาชนจำนวนมากกำลังประสบปัญหาว่างงาน ขาดรายได้ ลาลามูฟขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผยุงกลุ่มคนเหล่านี้ให้สามารถมีรายได้ ยืนหยัดดำรงชีพต่อไป ด้วยการเปิดรับสมัคร “คนขับ” จำนวนมาก
ส่วนผลตอบแทน มีโอกาสในการสร้างรายได้มากถึง 15,000 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงาน และมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ทางบริษัทกำหนด รวมถึงไม่มีประวัติอาชญากรรม สามารถสมัครได้ที่ https://www.lalamove.com/thailand/bangkok/th/drive
++สหพัฒนพิบูล-เจียเม้งฯ-อินเด็กซ์ สร้างโอกาสจากงานใหม่
หลายธุรกิจรับผลกระทบโควิด-19 เต็มๆ หนึ่งในนั้นคือ “อินเด็กซ์ฯ” ผู้นำธุรกิจจัดอีเวนท์ ต้องดิ้นหนีเอาตัวรอด ปรับตัวทันควัน ซึ่ง เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานบริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟวิลเลจ จำกัด (มหาชน) ได้ลุยธุรกิจใหม่ “Covid 19 Virus Killer” บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อ Covid – 19 ตามอาคารต่างขาดไม่เกิน 4,000 ตารางเมตร(ตร.ม.)ค่าบริการ 1,500 บาทต่อครั้ง เปิดเพียง 2 สัปดาห์ ลูกค้าติดต่อใช้บริการเฉลี่ยวันละ 10 แห่ง ยังต่อยอดเตรียมให้บริการฉีดฆ่าเชื้อในรถยนต์อีกด้วย
เมื่อพนักงานต้องลดการมาทำงานที่ออฟฟิศ องค์กรมีธุรกิจใหม่ ให้คนได้มีงานทำ พร้อมกับสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองต่อไป
คนแห่ตุนสินค้า ซัพพลายเออร์หน้ามืดหาสินค้าป้อนห้างร้านต่างๆ ทำให้ เวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)ต้องหมุนเวียนพนักงานที่เคยไปประจำตามห้าง ให้มาช่วยหยิบ แพ็คสินค้า ส่งห้างและช่องทางออนไลน์ที่โตเป็น “เท่าตัว” โดยไม่ต้องปรับลดหรือเพิ่มพนักงาน
เป็นข้าวถุงเบอร์ Top 3 ในตลาด โควิดระบาดทำให้ร้านใบเมี่ยง 15 สาขา ปิดให้บริการ ยอดขายตก 30-40% พนักงานประจำร้าน 1-2 คนต่อสาขา ต้องโยกมาช่วยดูแลออเดอร์ออนไลน์แทน ลดผลกระทบการจ้างงานของพนักงาน มุมมจาก กัมปนาท มานะธัญญา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด
เจียเม้งฯ มีพนักงานทั้งกลุ่ม(รวมบางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง)ราว 800 ชีวิต บริษัทยืนยันไม่ปรับลด เลิกจ้างพนักงาน จะดูแลให้ดีที่สุด