โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกหาย 1-1.5 ล้านล้านบาท

โควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกหาย 1-1.5 ล้านล้านบาท

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย  เผย ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. อยู่ที่ 50.3 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 21 ปี 6 เดือน ผลจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายธนวรรธน์  พลวิชัย  อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการในเดือนมี..2563 นี้ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13  และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ทำการสำรวจในรอบ21 ปี 6 เดือน โดยลดลงอย่างมากจากระดับ 64.8 เป็น 50.3 

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือน มี.อยู่ที่ 41.6 ลดลงจากเดือนก..63 ที่อยู่ในระดับ 52.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวจากการปิดกับโอกาสหางานทำเท่ากับ 49.3 จาก 61.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 59.9 จาก 80.4 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะถดถอยจากวิกฤตโควิด-19  ทั่วโลก คาดว่าผู้บริโภคจะชะลอการใช้จ่ายอย่างมากไปอย่างน้อย 3-6 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไป

158641991791

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยลบที่มีผลต่อ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคือความกังวลต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นรัฐบาลประกาศใช้ ...ฉุกเฉิน เพื่อบริหารจัดการและควบคุมโควิด-19 ประกอบกับการสั่งปิดห้างสรรพสินค้าและสถานที่ต่างๆ ทำให้เกิดการปิดกิจการยกเลิกการจ้างงาน มีแรงงานตกงาน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปี 63 เป็น -5.3% จากเดิมคาดจะขยายตัว 2.8% และหากสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้รุนแรงเหมือนกรณีอิตาลีเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงไปอีก แต่ก็คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ 3% ในปี 2564 

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรและการหารายได้ของประชาชนในภูมิภาคต่างๆการส่งออกของไทยเดือน ..ลดลง 8.24% นำเข้าลดลง 4.30% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า ยางพารา และมันสำปะหลัง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรโดยส่วนใหญ่ยังทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้กำลังซื้อทั่วไปในต่างจังหวัดขยายตัวไม่มากนัก

นายธนวรรธน์  กล่าวว่า   การระบาดของโควิด-19  ทำให้รัฐบาลส่งเสริมเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่สามารถเดินทางไปมาได้ง่าย น่าจะทำให้กำลังซื้อคนไทยทั้งประเทศจากเดิมที่มีมูลค่า 20,000 ล้านบาทต่อวัน หายไปอย่างน้อยวันละ 5,000 ล้านบาท ทำให้ช่วง 2-3 เดือนเม็ดเงินหายไปประมาณกว่า 300,000 ล้านบาท   

สำหรับภาคการท่องเที่ยวพบว่า  นักท่องเที่ยวไตรมาสแรกหายไปกว่า 40% เกือบกว่า 4 ล้านคน จากปกติ 10 ล้านคน เหลือเพียงกว่า 6 ล้านคน และไตรมาส 2 ประเทศไทยเริ่มล็อคดาวน์แล้ว นักท่องเที่ยวจึงไม่น่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากนัก จากปกติเข้ามาท่องเที่ยว 9 ล้านคน สถานการณ์นี้ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปเกือบหมด คือ หายไปกว่า 8 ล้านคน รวมแล้วครึ่งแรกปีนี้นักท่องเที่ยวหายไป 12-13 ล้านคน ซึ่งปกติใช้เงินคนละ45,000-50,000 บาทต่อคน ส่งผลให้เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวหายไปประมาณ 600,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย 

“เบื้องต้นประเมินว่าสถานการณ์แพร่ระบาดครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภาพรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 63 (ม.ค.-มิ.ย.) อย่างน้อย1-1.5 ล้านล้านบาท จำนวนนี้เป็นความเสียหายภาคการท่องเที่ยว 700,000 ล้านบาท  ภาคการบริโภค 300,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นด้านการค้าชายแดน การส่งออก และอื่นๆ”นายธนวรรธน์ กล่าว