สมาชิกอาร์เซ็ปมั่นใจลงนามความตกลงได้ปลายปีแน่

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  เปิดเผย ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ มีมาตรการจำกัดการเดินทางเข้า-ออกประเทศ จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดการประชุมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป  (RCEP-TNC )ตามรูปแบบปกติได้ สมาชิกอาร์เซ็ป จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการประชุมผ่านระบบทางไกลแทน โดยได้นำระบบนี้มาใช้เป็นครั้งแรกในการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง อาร์เซ็ป  (RCEP-TNC) เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2563 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี

นางอรมน กล่าวว่า การประชุมดังกล่าว มีการหารือเกี่ยวกับแผนการทำงานในปี 2563 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุมต่างๆ ของอาร์เซ็ป   ในช่วงนี้ถึงช่วงกลางปี 2563 เช่น การประชุมคณะทำงานขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย และการประชุมคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลงอาร์เซ็ป   (RCEP-TNC)  เป็นต้น มาเป็นการประชุมผ่านระบบทางไกล โดยในส่วนการประชุมคณะทำงานเพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย ที่ผ่านมาดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 6 บท เหลืออีก 14 บท ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ หลังจากนี้ สมาชิกจะประชุมผ่านระบบทางไกลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค. 2563 ซึ่งจะทำให้สมาชิก อาร์เซ็ป   มีเวลาเพียงพอในการดำเนินกระบวนการภายในได้ทันการลงนามความตกลงในปลายปีนี้

ทั้งนี้ สำหรับการประชุมอาร์เซ็ป  TNC ครั้งที่ 29 จะมีการประชุมทางไกลระหว่างวันที่ 20-24 เม.ย. 2563 เพื่อหารือประเด็นคงค้าง เช่น การปรับตารางข้อผูกพันของสมาชิกอาร์เซ็ป   ให้อยู่ในรูปแบบเดียวกัน การจัดตั้งกลไกการทำงานของอาร์เซ็ป   ภายหลังความตกลงมีผลบังคับใช้ และการประสานงานกับอินเดียเพื่อร่วมอยู่ในความสำเร็จของอาร์เซ็ป   เป็นต้น โดยการนำการประชุมผ่านระบบทางไกลมาใช้ จะทำให้การทำงานของอาร์เซ็ปดำเนินไปได้ตามกำหนด

นางอรมน กล่าวว่า   การลงนามความตกลงอาร์เซ็ป   จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งในส่วนของไทยอาร์เซ็ป   จะช่วยขยายการส่งออก รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารของไทย โดยเฉพาะน้ำตาล อาหารแปรรูป มันสำปะหลัง กุ้ง และข้าว ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารส่งออกที่สำคัญ ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก นอกจากนี้ จะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ให้สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าในระดับภูมิภาคได้ พร้อมทั้งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป   ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง เป็นต้น