OSP - ถือ

OSP - ถือ

ประมาณการ 1Q63: อัตรากำไรดีขึ้น

Event

ประมาณการ 1Q63

lmpact

ผลประกอบการจะดีขึ้นจากยอดขายที่เติบโตขึ้นและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ OSP ใน 1Q63 จะอยู่ที่ 917 ล้านบาท (+3.2% YoY, +11.5% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะรายได้ยอดขายที่สูงขึ้นและ GPM ที่ดีขึ้น ในขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น เราคาดว่ารายได้รวมใน 1Q63 จะอยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท (+5.2% YoY,+1.2% QoQ) โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากการที่ยอดขาย C-Vitt เพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่า GPM ของ OSP ใน 1Q63 จะเพิ่มขึ้นเป็น 36.1% จาก 34.8% ใน 1Q62 และ 35.0% ใน 4Q62 ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการปรับสูตรปรุง M-150 อีกรอบ เรายังคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 22.1% ใน 1Q63 จาก 20.8% ใน 1Q62 และ 21.9% ใน 4Q62 จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมียนมาร์ นอกจากนี้ เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจะดีขึ้นมาอยู่ที่ 63 ล้านบาทใน 1Q63 หลังจากที่ลดลงผิดคาดเหลือเพียง 3 ล้านบาทใน 4Q62

รายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มน่าจะเติบโตต่อเนื่อง

เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มใน 1Q63 จะอยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท (+5.9% YoY, +2.2% QoQ) โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากยอดขาย C-Vitt ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยอดขายในต่างประเทศดีขึ้น ส่วนรายได้จากของใช้ส่วนตัว (PC) ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.0% YoY เป็น 661 ล้านบาทใน 1Q63 จากยอดขาย Baby Mild Sweet Almond ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2562

ปัจจัยกระตุ้นที่รออยู่ข้างหน้า

ถึงแม้ว่า COVID-19 จะกดดันการบริโภคและกำลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวม แต่เราคาดว่าผลประกอบการของ OSP น่าจะมีภูมิคุ้มกันดีพอควรจากความริเริ่มต่างๆของทางบริษัท โดยเราคาดว่าใน 2Q63 อัตรากำไรของธุรกิจเครื่องดื่มน่าจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงงานบรรจุเครื่องดื่มแห่งใหม่ในเมียนมาร์ ส่วนใน 2H63 เราก็คาดว่ารายได้ของ OSP จะเพิ่มขึ้นจากแผนการขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ยอดการผลิตเครื่องดื่มในประเทศรวมเพิ่มขึ้น 10%-15.0%

Valuation & Action

ถ้าหากผลประกอบการ 1Q63 เป็นไปตามประมาณการ ก็จะคิดเป็น 24% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา ทั้งนี้ เราชอบแผนของ OSP ที่จะสร้างการเติบโตไปกับตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาหุ้นเหลือ upside ถึงราคาเป้ าหมายของเราอีกไม่มากแล้ว เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ และคงราคาเป้าหมายที่อิงจาก PER เอาไว้ที่ 45.00 บาท

Risks

ประหยัดต้นทุนได้น้อยเกินคาด ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศลดลง และไม่ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดต่างประเทศ