'มิชลิน-เอ็นไวโร' เปิดแผนรีไซเคิล ลดขยะ 'ยางเก่า' พันล้านเส้น/ปี
"มิชลิน" จับมือ "เอ็นไวโร" เดินหน้าดึงเทคโนโลยีสร้างจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมยางรถยนต์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากยางรถยนต์เก่า ซึ่งแต่ละปีมีกองขยะจากส่วนนี้ราว 1,000 ล้านเส้น โดยนวัตกรรมนี้จะสามารถนำยางรถยนต์เก่ากลับมาใช้ในอุตสาหกรรมได้อีกครั้งหนึ่ง
“มิชลิน” ผู้ผลิตยางรายใหญ่จากฝรั่งเศส ร่วมมือกับ “เอ็นไวโร” (Enviro) กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ สัญชาติสวีเดน เพื่อหาทางบริหารจัดการกับยางรถยนต์เก่า ด้วยการแปรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า ไพโรไลซิส (Pyrolysis) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาแตกตัวทางเคมีของสารประกอบอินทรีย์จากการเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นอย่างฉับพลัน ส่งผลให้เกิดการแยกตัวเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสารประกอบอินทรีย์นั้นมาตั้งแต่แรก
มิชลินบอกว่า นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการรีไซเคิลในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ และลูกค้าผู้ใช้รถใช้ยาง เพราะแต่ละปีจะมียางรถยนต์ประมาณ 1,000 ล้านเส้น ที่หมดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาลที่จะต้องทิ้ง แต่เทคโนโลยีรีไซเคิลจะช่วยให้ยางเหล่านี้สามารถกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ในฐานะวัตถุดิบคุณภาพสูง
ทั้งนี้ เอ็นไวโร แม้จะเป็นสตาร์ทอัพ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 มีพนักงานแค่ 20 คน แต่ก็พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนองค์ประกอบทางเคมีและลักษณะทางกายภาพของนิวเมติกวัสดุ (Pneumatic Material) เมื่อนำมาผ่านกระบวนการไพโรไลซิส โดยควบคุมให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด ซึ่งช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เช่น คาร์บอนแบล็ค, น้ำมันไพโรไลซิส, เหล็ก หรือ ก๊าซ ซึ่งทั้งหมดนี้่สามารถนำกลับไปใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อีกครั้ง ดังนั้นเทคโนโลยีรีไซเคิลนี้จึงทำให้ยางรถยนต์ซึ่งถูกมองว่าเป็นขยะ สามารถนำมาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์เป็นวัตถุดิบแห่งอนาคตได้
สำหรับรายละเอียดในความร่วมมือกันของ มิชลิน และ เอ็นไวโร นั้นประกอบไปด้วย การเป็นพันธมิตรครั้งนี้อยู่ภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการนำเทคโนโลยีไพโรไลซิสของเอ็นไวโรมาพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในวงกว้าง โดยที่มิชลินจะเข้าไปถือหุ้น 20% ในเงินทุนของเอ็นไวโรซึ่งมีมูลค่า 32.52 ล้านโครนาสวีเดน หรือประมาณ 104 ล้านบาท หรือเทียบเท่าการถือครองหุ้นจำนวน 116 ล้านหุ้น ซึ่งส่งผลให้มิชลินกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด
มิชลินระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้ มิชลินจะสนับสนุนการพัฒนาองค์กรของเอ็นไวโรผ่านตัวแทนที่นั่งอยู่ในคณะกรรมการบริหาร ซึ่งคาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเพื่อให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเสียงเร็วๆ นี้ จากนั้นจะร่วมกันสร้างโรงงานเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีสู่อุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ระบุสถานที่ตั้งโรงงานว่าจะเป็นที่ใด ขณะที่การหาวัตถุดิบจะดำเนินการร่วมกันระหว่างมิชลินและเอ็นไวโร
โซเนีย อาร์ติเนียน-เฟรโด ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการพร้อมโซลูชั่นและวัสดุไฮเทค ของมิชลิน เปิดเผยว่า การร่วมมือเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้จะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่าย สามารถนำความรู้ความชำนาญที่มีอยู่ออกมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้เทคโนโลยีการรีไซเคิลยางรถยนต์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมิชลินจะนำทักษะความชำนาญทางอุตสาหกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโครงการก่อสร้างโรงงาน การวิจัยและพัฒนา การผลิต ขณะที่เอ็นไวโรจะนำเทคโนโลยีไพโรไลซิสซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของตนเองมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากการรีไซเคิลยางรถยนต์ใช้แล้ว
“การลงนามเป็นพันธมิตรกับเอ็นไวโรสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมิชลินในเรื่องความยั่งยืนทุกด้าน (All Sustainable) โดยเป็นอีกก้าวสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของมิชลินที่มีต่อการรีไซเคิลและการสัญจรอย่างยั่งยืนนับจากปี 2560 ที่มิชลินเข้าซื้อกิจการของ Lehigh Technologies บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านผงยางขนาดอนุภาคเล็กที่ได้จากการรีไซเคิลยางรถยนต์”
ส่วนใครที่อยากเห็นการดำเนินจากความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งจะช่วยโลกได้ไม่น้อยจากการลดปริมาณขยะ และลดการใช้ทรัพยากร เพราะสามารถนำของหมดอายุกลับมาใช้ได้ใหม่นั้น มิชลินบอกว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปในการจัดทำข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ให้เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้
สำหรับมิชลิน ปัจจุบันมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ 69 แห่ง ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตรวมกัน 200 ล้านเส้นในปี 2562 ที่ผ่านมา