ไขข้อสงสัย ทำไม 'ราคาทองรูปพรรณ' และ 'ทองคำแท่ง' ถึงไม่เท่ากัน
ตอบข้อสงสัย ทำไม "ราคาทองรูปพรรณ" และ "ทองคำแท่ง" ไม่เท่ากัน ช่วยทำความเข้าใจก่อนเลือกลงทุนใน "ทองคำ"
ราคาทองคำพุ่ง หลายคนหันมาให้ความสนใจค้นหา “ราคาทองวันนี้” หวัง “ลงทุนทองคำ” หวังทำกำไร ทว่าการลงทุนทองคำมีหลายเรื่องที่ควรรู้ โดยเฉพาะการสร้างกำไรจากราคา
สิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทุนทอง คือลักษณะของทองคำ รูปแบบต่างๆ ที่มีรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป โดยทองประเทศไทยมี 2 รูปแบบ คือ “ทองรูปพรรณ” และ “ทองคำแท่ง”
- ทองรูปพรรณ กับ ทองคำแท่ง ต่างกันอย่างไร
"ทองรูปพรรณ" คือทองคำที่ถูกนำมาขึ้นรูปเป็นลักษณะต่างๆ หรือเป็นเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ กำไล ฯลฯ
"ทองคำแท่ง" คือทองคำที่หลอมเป็นแท่งขนาดต่างๆ มีตั้งแต่น้ำหนักน้อยๆ ตั้งแต่ไม่ถึง 1 บาท ไปถึงน้ำหนักหลายสิบบาท
สิ่งแรกที่จำเป็นต้องรู้ก่อนลงทุน คือน้ำหนักของทองคำแท่งกับทองรูปพรรณ แม้จะนับเป็นทอง “1 บาท” เท่ากัน แต่น้ำหนักจริงไม่เท่ากัน โดยทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม ส่วนทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม ทำให้ทองคำทั้งสองแบบที่ความบริสุทธิ์เท่ากันมีราคาต่อ 1 บาทไม่เท่ากันไปด้วย
โดยส่วนใหญ่ ราคาของทองรูปพรรณจะมีราคาซื้อ ราคาขายสูงกว่าทองคำแท่งเล็กน้อย ตัวอย่างเช่นราคาทอง ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2563 จากสมาคมค้าทองคำ ที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ราคาทองรูปพรรณสูงกว่าราคาทองคำแท่งอยู่หลายร้อยบาท
ทั้งนี้ 96.5% คือ ค่าความบริสุทธิ์ของทองคำ ซึ่งส่วนใหญ่มาตรฐานทองไทยที่อยู่ที่ 96.5% นอกจากนี้ ยังมีทองรูปพรรณ 99.99% ซึ่งทองคำที่ความบริสุทธิ์สูงๆ จะไม่สามารถทำรูปพรรณชิ้นเล็กได้ เนื่องจากคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ มีความอ่อนตัวมากจึงไม่สามารถนำมาใช้งานได้ จำเป็นต้องผสมโลหะอื่นๆ ลงไปเพื่อปรับคุณสมบัติทางกายภาพของทองคำให้แข็งขึ้น คงทนต่อการสึกหรอ
โลหะที่นิยมนำมาผสมกับทองคำได้แก่ เงิน ทองแดง นิกเกล และสังกะสี ซึ่งอัตราส่วนจะสัมพันธ์ตามความต้องการของผู้ใช้งาน กล่าวคือ ผู้ผลิตทองรูปพรรณแต่ละรายจะมีสูตรของตนเอง ในการผสมโลหะอื่นเข้ากับทอง
บางรายอาจผสมทองแดงเป็นสัดส่วนที่มากหน่อยเพราะต้องการให้สีของทองออกมามีสีอมแดง หรือบางรายอาจชอบให้ทองของตนสีออกเหลืองขาวก็ผสมเงินในอัตราส่วนที่พอเหมาะซึ่งทั้งหมดนั้นจะได้ความบริสุทธิ์ของทอง 96.5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกัน
- ทำไมทองรูปพรรณราคาสูงกว่าทองคำแท่ง
สาเหตุที่ทองรูปพรรณ มีราคาสูงกว่าทองคำแท่งเนื่องจากมีการเก็บค่ากำเหน็จ หรือค่าแรงในการทำทองที่เพิ่มเข้ามาทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ในขณะทองคำแท่งอาจมีค่าบล็อก (ค่าพรีเมียม) บ้างเล็กน้อย แต่ยังคงต่ำกว่าค่ากำเหน็จของทองรูปพรรณ
นอกจากการราคาขายที่แตกต่างกันแล้ว ราคาขายทองรูปพรรณยังมีความแตกต่างกันกับทองแท่งอยู่บ้าง เนื่องจากหากเป็นทองรูปพรรณที่ถูกใช้เป็นเครื่องประดับ ดังนั้นสำการสวมใส่ในระยะเวลานานอาจทำให้ทองสึกหรอได้ ทำให้ราคารับซื้อทองรูปพรรณคืนที่ร้านทอง จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามประกาศของ สคบ. การรับซื้อคืนทองรูปพรรณของร้านค้าทอง คือจะหัก 5% จากราคาทองคำแท่งรับคืนประจำวันที่สมาคมประกาศ ซึ่งจะมีการติดประกาศราคารับซื้อคืนทองคำรูปพรรณอยู่หน้าร้านทองทุกแห่งอยู่แล้ว
- อยากลงทุนทองคำเลือก "ทองรูปพรรณ" หรือ "ทองคำแท่ง"
อย่างไรก็ตาม การลงทุนทองคำโดยตรง สามารถทำได้ทั้ง 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความพึงพอใจของผู้ลงทุน การเก็บออม หรือการลงทุน หากเป็นการลงทุน ควรซื้อเป็นทองคำแท่ง เพราะมีส่วนต่างซื้อเข้าขายออกบาทละ 100 บาท ไม่มีค่ากำเหน็จ แต่หากต้องการซื้อเพื่อสวมใส่เป็นเครื่องประดับ และออมทรัพย์ไปในตัว ควรซื้อเป็นทองรูปพรรณ ซึ่งจะมีค่ากำเหน็จหรือค่าแรง แล้วแต่ความยากง่ายของแต่ละลวดลาย
- อยากเริ่มต้นทำกำไรจาก "ราคาทอง" ต้องรู้อะไรบ้าง
1) รู้จักรูปแบบของทองคำที่จะลงทุน
2) เข้าใจลักษณะการทำกำไรจากทองคำ
3) รู้จักราคารับซื้อ-ขายออก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิด 3 เรื่องต้องรู้ก่อน ลงทุนในทองคำ และทำกำไรจาก "ราคาทอง"