อสังหาฯ ปี 63 ตกหลุมอากาศ ยอดขายติดลบมากกว่า 25%
“อธิป พีชานนท์” ชี้ตลาดอสังหาฯ ปี 63 ตกหลุมอากาศ ยอดขายติดลบมากกว่า 25% พิษโควิดฉุดคอนโดยอดขายร่วงกว่า 40% แนวราบติดลบ 5-10% แนะดีเวลลอปเปอร์รักษาลูกค้าเก่า ไม่ควรริบเงินดาวน์เพื่อให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง
นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มปี 2563 ตลาดอสังหาฯยอดขายติดลบมากกว่า25%โดยยอดขายใหม่คอนโดมิเนียมชะลอตัวชัดเจนเมื่อเทียบกับแนวราบพบว่า ปัจจุบันมียอดขายลดลงกว่า 40% ทั้งจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและกลุ่มซื้อเพื่อปล่อยเช่าจากเดิมที่พึ่งพากลุ่มลูกค้าจีนและต่างชาติ 10 %แต่ดีมานด์ส่วนนี้หายไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19
ขณะที่ตลาดแนวราบ(บ้านจัดสรร ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว)โดยเฉพาะโครงการบ้านที่สร้างเสร็จกลับเริ่มมีคนสนใจซื้อมากขึ้นซึ่งสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ โดยพบว่า ยอดขายบ้านจัดสรรในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และภูมิภาคบางพื้นที่ตัวเลขสูงขึ้นคาดว่าปีนี้ตลาดแนวราบติดลบ 5-10%
“คนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงยังมีอยู่ ยิ่งพอเกิดโควิดทำให้คนต้องทำงานที่บ้าน หลายเจนเนอเรชันต้องอยู่ร่วมกัน ทำให้เกิดความต้องการมีที่อยู่อาศัยเพื่อแยกเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นจากเดิมที่อาจไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะทุกคนต้องการความเป็นส่วนตัวการอยู่คอนโดจึงอาจไม่ตอบโจทย์การทำงานที่บ้านของคนบางคน” นายอธิป กล่าว
สำหรับยอดโอนกรรมสิทธิ์พลว่าชะลอตัวในช่วงนี้ เนื่องจากประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจึงผลกระทบต่อการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ประกอบกับธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดมากกว่าปกติ และปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอัตราปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงถึง 40% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ที่ทำอาชีพอิสระ จะเป็นกลุ่มแรกที่ธนาคารพาณิชย์จะปฏิเสธการให้สินเชื่อและพิจารณาเข้มงวดมาก ซึ่งส่งผลต่อการโอนกรรมสิทธิ์ที่ชะลอตัว
“ภาวะเช่นนี้แนะนำว่าต้องพยายามรักษาลูกค้า ไม่ควรริบเงินดาวน์เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง โดยวิธีการโอนให้มีการผ่อนปรนกับลูกค้ามากขึ้นเช่น หรือย้ายไปโครงการที่สร้างไม่เสร็จแทนเพื่อยืดเวลาให้กับลูกค้าได้ด้วย หรือให้โอนกรรมสิทธิ์ในขนาดและมูลค่าที่เล็กลง เช่น เดิมต้องมีการโอนมากกว่า 1 ยูนิต ก็ให้ลดขนาดมาเท่ากับ 1 ยูนิต หรือให้มีการพักเงินดาวน์ไป 6 เดือน – 1 ปี โดยหลังโควิดผ่านไปค่อยมาคุยกัน เวลานี้ต้องเป็นห่วงเนื้อในปากมากกว่าเนื้อในน้ำ เพราะบางคนตอนนี้มัวแต่คิดเรื่องขายของใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก สู้มาดูแลลูกค้าที่ซื้อเราไปแล้ว เปรียบเสมือนเนื้อในปาก อย่าทำให้มันหลุดออกไปจะดีกว่าไปหาลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นเนื้อในน้ำไม่ใช่เนื้อในปาก”
นายอธิป กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องช่วยกัน ไม่ใช่เอาแต่ผลประโยชน์ด้วยการริบเงินดาวน์ หลังจากที่ลูกค้าผ่อนมาแล้ว 10-20% เพื่อที่ขายคนใหม่ในราคาสูงขึ้น หรือได้เงินดาวน์มาแล้วทำให้ปรับราคาได้เพิ่มขึ้นวิธีการแบบนี้ ไม่ควรทำ เพราะว่าเป็นการเอาเปรียบลูกค้าเกินไปไม่ควรฉวยโอกาส
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปีนี้ตลาดคอนโดจะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยรอบด้านจนฉุดยอดขายลดลงกว่า 40% แต่ตลาดคอนโดยังไม่ถึงขั้นไร้อนาคตหรือเป็นดาวร่วง (Sunset)แค่อยู่ในภาวะตกหลุมอากาศเหมือนกับตลาดหุ้นแต่ใช้เวลานานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่า หลุมจะยาว มากน้อยแค่ไหน
“จากประสบการณ์คาดการณ์ว่า ไตรมาสสองในปี2564 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ จะเริ่มฟื้นตัว บนสมมติฐานที่่ว่าทั่วโลก สามารถที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดโควิดได้ ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่งหรือทวีปใดทวีปหนึ่ง ยกเว้นว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ระบาดระลอกสองขึ้นมา ธุรกิจที่โดนกระทบอันดับแรกกลุ่มเอสเอ็มอี ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว บอกได้เลยเตรียมตอกฝาโลงกันเลยทีเดียว”