'อุตตม' ตั้งบอร์ดสรรหา เลือก 'ผู้ว่าธปท.' คนใหม่
“คลัง” ตั้งบอร์ดคัดเลือก ผู้ว่าการแบงก์ชาติ แทน “วิรไท” ที่ครบวาระสิ้นเดือนก.ย.นี้ เผยตามกฎหมายต้องเปิดรับสมัครพร้อมคัดเหลือ 2 คน ก่อนชงให้ รมว.คลัง เคาะเหลือคนเดียวภายใน 2 ก.ค.นี้ ย้ำต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์หรือการเงินธนาคาร
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เซ็นแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อทำหน้าที่คัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ มาแทน นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. คนปัจจุบันที่จะครบวาระในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาเตรียมจะประชุมนัดแรกในเร็วๆ นี้
โดย คณะกรรมการคัดเลือก ที่ตั้งขึ้นมาครั้งนี้มีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย 1.นางอรรชกา สีบุญเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 2.นางรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง 3.นายชัยวัตน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
4.นายนริศ ชัยสูตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 5.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 6.นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ 7.นางจันทรา บูรณฤกษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
สำหรับกระบวนการคัดเลือกผู้ว่าการธปท. ตามกฎหมายกำหนดให้ คณะกรรมการคัดเลือก ทำหน้าที่คัดสรรบุคคลที่มีความเหมาะสมจำนวนไม่น้อยกว่า 2 คน เสนอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมที่สุดขึ้นเป็นผู้ว่าการธปท. โดยกระบวนการดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายใน 90 วัน ก่อนที่ผู้ว่าการธปท.คนปัจจุบันจะครบวาระ ซึ่งจะตรงกับวันที่ 2 ก.ค.นี้
ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธปท. ตามกฎหมายกำหนดให้ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญในด้านเศรษฐศาสตร์หรือด้านการเงินการธนาคาร ส่วนในด้านการปฎิบัติหน้าที่ ให้ผู้ว่าการธปท. มีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการกิจการของ ธปท.
นอกจากนี้ ผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าการธปท.จะต้องมีสัญชาติไทยและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ 1.มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเสนอชื่อเพื่อทรงแต่งตั้ง 2.เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ 3.เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 4.เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
5.เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง 6.เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี 7.เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองเว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อวกว่าหนึ่งปี
8.เป็นกรรมการหรือดำรงตำแหน่งใดในสถาบันการเงินหรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น เว้นแต่เป็นการดำรงตำแหน่งเนื่องจากมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ 9.เป็นกรรมการหรือผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการจัดการหรือมีส่วนได้เสียอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลซึ่งมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของธปท.
สำหรับ นายวิรไท ถือเป็นผู้ว่าการธปท. คนที่ 19 ลำดับที่ 23 เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่่ 1 ต.ค.2558 โดยในสมัยที่ นายวิรไท ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธปท.นั้น แม้ระหว่างทางไม่มีแรงกดดันจากภาคการเมืองมากนักเมื่อเทียบกับผู้ว่าการในอดีต แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความท้าทายอย่างมากในการบริหารเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะช่วงเวลาปัจจุบันที่เผชิญกับแรงกดดันจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ทำให้ระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงินมีความปั่นป่วนอย่างมาก จนเป็นที่มาของการดำเนินนโยบายการเงินแบบนอกตำราเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย เช่น การจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อลดความเสี่ยงของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Stabilization Fund หรือ BSF)
นอกจากนี้ที่ผ่านมา นายวิรไท ยังเป็นผู้ว่าการ ธปท. คนแรกที่กล้าลงมารือโครงสร้างการคิดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ พร้อมกับผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ "สังคมไร้เงินสด" ผ่านการผลักดันระบบพร้อมเพย์ ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ธนาคารพาณิชย์ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงินและการชำระเงินต่างๆ รวมทั้งยังผลักดันให้ ธปท. เริ่มทดลองใช้เงินดิจิทัลผ่านโครงการอินทนนท์
ขณะเดียวกัน เขายังผลักดันโครงการปลูกฝังวินัยการออมเงินให้กับประชาชนทั่วไป พร้อมกับผลักดันโครงการ "คลินิกแก้หนี้" เพื่อลดภาระหนี้ให้กับผู้ที่เคยก่อหนี้เกินตัวเพื่อมีโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่