ทำไมธุรกิจ “ขายต้นไม้” ถึงงอกงามได้ในสภาวะวิกฤติ
4 เหตุผลที่ทำให้ “ธุรกิจขายต้นไม้” งอกงามและเติบโตสวนกระแสวิกฤติ "โควิด-19" ที่หลายธุรกิจหยุดชะงัก
ช่วง “โควิด-19” ที่ทุกคนจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม และลดกิจกรรมต่างๆ ที่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่น ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ “บ้าน” กลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องอยู่ และควรอยู่ ในสภาวการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ การหากิจกรรมยามว่างที่สามารถทำได้ที่บ้าน จึงกลายเป็นเทรนด์ทุกคนหันมาให้ความสนใจ
หนึ่งในนั้นคือการ “ปลูกต้นไม้” ในบ้าน ทั้งที่ทำเพื่อเป็นกิจกรรมคลายเหงา ทำเพื่อความอยู่รอด ไปจนถึงการปลูกเพื่อบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะปลูกด้วยสาเหตุอะไร พฤติกรรมเหล่านี้ก็ทำให้ “ธุรกิจขายต้นไม้” เติบโตขึ้นสวนกระแสวิกฤติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจต้นไม้เติบโต ไม่ได้มาจากแค่การจำหน่ายต้นไม้ตามปกติ แต่มีลูกเล่นจากการทำการตลาด และการเลือกพันธุ์ต้นไม้ที่กำลังอยู่ในกระแสนิยม
..จนเรียกได้ว่า การปลูกต้นไม้คือ "ไลฟ์สไตล์ใหม่" ของคนเมือง
กระแสความนิยมในการปลูกต้นไม้ทำให้ดีมานด์ตลาดต้นไม้สูงขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจต้นไม้เติบโตและเจริญงอกงามได้คือการปรับตัว และโมเดลธุรกิจที่สร้างสรรค์ พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ
- ไลฟ์ประมูลต้นไม้ ผ่านโซเชียลมีเดีย
จุดสำคัญที่ทำให้การไลฟ์ขายต้นไม้ ได้รับความนิยม คือ กลยุทธ์การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ทำให้รู้สึกว่าของที่ได้มานั้นถูกทำขึ้น หรือคัดสรรมาอย่างดีที่สุดด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้ในหลากหลายธุรกิจ ที่ผ่านมามีการไลฟ์ขายสินค้าหลากหลายรูปแบบ เช่น ไลฟ์ขายไข่มุก ที่แกะโชว์กันจะจะจากหอยมุก การไลฟ์ขายเสื้อผ้าสารพัดลีลา ไลฟ์ขายกระเป๋าแบรนด์เนม เปิดให้ดูตำหนิกันทุกซอกมุมกระเป๋า ฯลฯ
เสน่ห์ของการไลฟ์ขายสินค้า และประมูลสินค้า คือการที่ลูกค้าและผู้ค้ามีส่วนร่วมกันอยู่ตลอดเวลา สามารถตอบโต้กันได้ทันทีทันใด เหมือนการซื้อขายโดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ลูกค้าทุกคนต่างเห็นปฏิกิริยาของลูกค้าคนอื่นๆ ที่อยากได้สินค้าชิ้นเดียวกัน ที่ทำให้รู้สึกว่า “ต้องรีบซื้อ” หรือ “ต้องสู้ราคา” ก่อนจะหลุดลอยไปเป็นของคนอื่น
การไลฟ์ที่มีคนดูอยู่มากมาย และมีคนแย่งกันซื้อ จึงทำให้เกิดความอยากซื้อที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นตัวบ่งชี้ว่าสินค้าเหล่านั้นขายดีจริงๆ เป็นที่ประจักษ์ ผิดกับการที่ผู้ค้าป่าวประกาศว่าสินค้านี้ขายดี ซึ่งยากจะพิสูจน์ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นแค่คำโฆษณาหรือไม่
อีกหนึ่งเทคนิคการขายยอดฮิต ซึ่งเป็นลูกเล่นที่ตามมาจากการไลฟ์ คือ “การประมูล” ซึ่งร้านขายต้นไม้ได้หยิบไอเดียนี้ไปปรับใช้จนได้รับความนิยมจนลูกค้าคนรักต้นไม้ต้องนั่งรอประมูลกันดึกๆ ดื่นๆ โดยส่วนใหญ่การประมูลจะเป็นกลุ่มต้นไม้หายาก หรือต้นไม้ราคาสูงมากๆ ในท้องตลาด โดยการประมูลมักจะเริ่มต้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ณ เวลานั้น เพิ่งจูงใจให้ลูกค้าอยากเสนอราคาที่สูงกว่า
การประมูลต้นไม้ ไม่ใช่แค่การซื้อสินค้า แต่เป็นเหมือนเกม ที่ทำให้การซื้อสนุกขึ้น ท้าทายขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำผู้ค้าและลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งให้ช่วยคลายความเหงาไปได้บ้างในช่วงที่ต้องเก็บตัวอยู่บ้าน และหลีกเลี่ยงการไปนอกสถานที่ในช่วงที่โควิด-19 ยังแพร่ระบาด
นอกจากนี้ การไลฟ์และการประมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ค้ามีโอกาสกระตุ้นการซื้อสินค้ารูปแบบต่างๆ ได้โดยตรง และอาจมีผลพลอยได้จากจำนวนการรับชมของลูกค้า การคอมเมนต์จำนวนมาก ที่ทำให้ระบบผู้ให้บริการไลฟ์ อย่าง Facebook Youtube ฯลฯ เปลี่ยนมาเป็นรายได้ในมิติอื่นๆ ได้ด้วย
- ขายต้นไม้เดลิเวอรี่
นอกจากการจัดไลฟ์เพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกค้าแล้ว ร้านค้าต้นไม้หลายร้าน ยังปรับตัวสร้างอาณาจักรต้นไม้ไว้ในโลกไซเบอร์ ทั้งผ่านเพจ Facebook, Instagram และเว็บไซต์
การขายต้นไม้เดลิเวอรี่ตอบโจทย์คนเวลาน้อย คนที่อยู่ไกลจากแหล่งจำหน่ายต้นไม้ที่ไม่สะดวกเดินทาง รวมถึงคนที่ขี้เกียจไปซื้อต้นไม้ในสวนร้อนๆ เดลิเวอรี่ต้นไม้ก็คล้ายกับอาหารเดลิเวอรี่ ที่ต้องส่งทันใจ พร้อมปลูก แต่มีความแตกต่างกับอาหารที่วิธีการจัดส่งที่ต้องบรรจุต้นไม้อย่างถูกวิธี เพื่อให้พวกมันสามารถเติบโตต่อไปได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ร้านต้นไม้เดลิเวอรี่เปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว เพียงแต่เพิ่งมาได้รับความนิยมมากๆ ในช่วงที่มีเทรนด์การปลูกต้นไม้ในคอนโด ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในช่วงที่ PM2.5 รุมเร้าประเทศไทย รวมถึงการปลูกผักเพื่อเป็นอาหารกับเทรนด์รักสุขภาพ และนิยมมากขึ้นในช่วงที่คนต้อง Social Distancing แบบนี้ด้วย
- ไม่ได้ขายแค่ต้นไม้ แต่ขาย "รสนิยม" พร้อมการบริการ
“ไลฟ์สไตล์” จุดขายถูกหยิบขึ้นมาใช้ในธุรกิจต้นไม้ เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ธุรกิจต้นไม้ ไม่ใช่แค่การขายต้นไม้เพื่อปลูก แต่กลายเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงรสนิยมของผู้ปลูก เหมือนกับของสะสมอื่นๆ ด้วย
ความนิยมพันธุ์ไม้ที่ต่างกัน ของกลุ่ม “คนเล่นต้นไม้” เช่น ต้นบอนไซ ที่เคยได้รับความนิยมมากๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีราคาขายตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านบาท, ต้นชวนชมสวยงาม ที่มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน ฯลฯ การปลูกต้นไม้เหล่านี้ไม่ใช่แค่การสร้างรายได้ หรือปลูกตามกระแส แต่ยังบอกถึงไลฟ์สไตล์และรสนิยมของผู้ปลูก ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แต่กระแสความนิยมอาจมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตามสมัย
ธุรกิจต้นไม้ที่ปรับตัวให้สอดรับกับ “ไลฟ์สไตล์” ของลูกค้า และชูผลิตภัณฑ์ให้มากกว่าแค่การขายต้นไม้ จึงเป็นโอกาสของธุรกิจได้แม้อยู่ในช่วงวิกฤติ เช่น การขายต้นไม้พร้อมกระถางหวายถักสุดมินิมอลวางที่ไหนก็สวย, ขายต้นไม้พร้อมบริการให้คำแนะนำในการดูแลต้นฟรีตลอดชีวิต, ขายต้นไม้พร้อมแพคเกจสวยๆ มอบเป็นของขวัญในวันสำคัญต่างๆ เป็นต้น
- ให้บริการสอดรับกับเทรนด์ใหม่ๆ
ช่วงปีที่ผ่านมา “พืชกลุ่มไม้ใบ” เป็นพืชที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ยอดฮิตที่ใครๆ ก็ตามหาช่วงนี้คือ มอนสเตร่า หรือ มอนสเตอรา (Monstera) ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากเขตร้อนชื้นตามป่าดิบเขาและหมู่เกาะของทวีปอเมริกา มอนสเตร่า มีใบขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นแฉกฉลุบนพื้นใบผิวมันวาว ซึ่งเป็นลักษณะเด่นเฉพาะตัวของพืชในตระกูลนี้
ส่วนในมิติด้านการตลาดมอนสเตร่าเป็นไม้ตัดใบ ที่มีศักยภาพในการจำหน่ายสูง เพราะไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ทำให้ราคาค่อนข้างสูงไปด้วย
ปัจจุบัน มีคนนิยมเลี้ยงมอนสเตร่าในบ้านมากขึ้น เพราะเป็นพืชที่ปลูกค่อนข้างง่าย ต้องการการเอาใจใส่ปานกลาง แข็งแรง ทนทานต่อโรคและแมลง อายุการปลูกนาน และผลิใบตลอดทั้งปี โดยมอนสเตร่ามีสายพันธุ์ต่างๆ มากถึง 50 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมมากในช่วงนี้คือ มอนสเตร่า เดลิซิโอซ่า (Monstera Deliciosa)
ความนิยมของมอนสเตร่า ถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้งในไทย หลัง ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ โพสต์ภาพคู่กับต้นมอนสเตร่า และไม้พันธุ์อื่นๆ ที่ปลูกในบ้านช่วงอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ พร้อมเปิดลิสต์รายชื่อต้นไม้ที่ปลูกยาวเหยียด ทำเอาแฟนคลับ และคนที่ชอบปลูกต้นไม้ตามหามาปลูกบ้าง ดันราคาไม้เหล่านี้สูงขึ้นไปตามดีมานด์การซื้อที่เพิ่มขึ้นไปอีก
ตามปกติมอนสเตร่า มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 200 บาทไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับขนาด ลักษณะ และความพึงพอใจในการซื้อขายของทั้ง 2 ฝ่าย และจะมีราคาที่สูงขึ้นหากเป็นใบด่าง ที่ไม่สามารถพบได้ในต้นไม้ทั่วไป
ความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น จนปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือโอกาสธุรกิจขายต้นไม้ที่ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอ จะสามารถคว้าโอกาสในการทำธุรกิจได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดีราคาต้องตั้งอยู่บนความเหมาะสมด้วย
การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจต้นไม้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอดจากวิกฤติ แต่อาจเป็นแนวทางในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ให้สนุกขึ้น ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย จนทำให้ “การปลูกต้นไม้” กลายเป็น New Normal หรือความปกติใหม่ที่มนุษย์ทุกคนต้องการก็เป็นได้