ใช้ให้ถูก! ความแตกต่างระหว่าง 'บัตรเครดิต' และ 'บัตรกดเงินสด'
รวมความต่างระหว่าง “บัตรเครดิต” และ “บัตรกดเงินสด” 2 ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ตัวช่วยยามขาดสภาพคล่อง ที่รู้แล้วต้องใช้ให้ถูก!
มีบัตรเครดิตแล้ว ควรสมัครบัตรกดเงินสดด้วยดีไหม ?
แล้วสมมติมีบัตรกดเงินสด 1 ใบ แต่ผ่านไป 3 เดือน ไม่ได้ใช้ จะคิดดอกเบี้ย+ ค่าธรรมเนียมอะไรเพิ่มเติมบ้าง ?
ธนาคารอนุมัติมาทั้ง 2 บัตร จะใช้อย่างไรดี ?
ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินมีมากมาย แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์ไว้เสริมสภาพคล่องการเงินส่วนบุคคลและธุรกิจ ที่เด่นๆ คงหนีไม่พ้น “บัตรเครดิต” และ “บัตรกดเงินสด”
แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความคล้ายกัน ใช้หลักฐานการอนุมัติจากสถาบันการเงินเจ้าของบัตรที่ไม่ต่างกัน แต่ทั้งบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดกลับมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน และก็เป็นความแตกต่างที่ว่านี้แหละ ที่ทำให้บัตรทั้งสองมีจุดเด่น ซึ่งถ้าผู้ใช้เข้าใจดีแล้ว ก็สามารถใช้บัตรทั้งสองได้อย่างฉลาดและคุ้มค่า
- บัตร 2 ใบ แตกต่างในความเหมือน
อย่างที่บอกตอนต้นว่าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกัน
ความเหมือนกัน ก็ตรงที่ว่า เราสามารถนำเงินในอนาคตออกมาใช้หรือชำระสิ่งของก่อนได้ ซึ่งต่างจากบัตร ATM ที่เราจะสามารถถอนเงินจากตู้ได้ในกรณีที่ต้องมีเงินฝากในบัญชีเท่านั้น และต้องถอนออกมาในจำนวนที่ไม่เกินที่มีอยู่
หากที่ต่างกัน คือ บัตรเครดิต มีจุดเด่นคือ การรูดเพื่อชำระสินค้าที่ร่วมทำรายการ โดยมีสิทธิประโยชน์อื่นๆตามมา เช่น ส่วนลดสินค้า, การผ่อนชำระ, การสะสมแต้มจากยอดการใช้เพื่อแลกของรางวัล (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินเจ้าของบัตร) และเมื่อครบกำหนดชำระแล้ว หากเราชำระเงินตรงเวลาตามวันที่กำหนด ก็จะไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
ส่วน บัตรกดเงินสด นั้น จุดเด่นคือสามารถเบิกถอนเงินสดได้ทันทีตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติ (เน้นได้เงินสดมาถือ) โดยไม่ต้องมีเงินในบัญชี หรือทรัพย์สินใดๆ เพื่อเป็นหลักประกัน และส่วนใหญ่บัตรกดเงินสด สามารถถอนเงินออกมาในวงเงินที่มากกว่าบัตรเครดิต
แต่ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ธนาคารจะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ทำรายการ จนถึงวันที่ทำการชำระยอดเงิน โดยดอกเบี้ยจะคิดแบบรายวัน โดยมีวิธีการคำนวณเบื้องต้นคือ จำนวนเงินที่ใช้จริง X อัตราดอกเบี้ย X จำนวนวันที่ใช้จริง หารด้วย 365 และถึงเช่นนั้นหากเรามีบัตรกดเงินสดไว้ แต่ยังไม่ได้ใช้ ก็ไม่ต้องเสียค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
- ข้อดี-ข้อเสีย ที่ต่างกัน
แน่นอนว่าข้อดีของการมีบัตรทั้ง 2 ประเภท คือการช่วยเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อาจเป็นการหมุนเวียนใช้จ่ายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่น จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ (ตอนเงินเดือนยังไม่ออก) และสามารถกดเงินสดออกมาได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม (ถ้ากดเงินสดจากบัตรเครดิตจะเสียค่าธรรมเนียม)
ฝั่งบัตรเครดิตเด่นเรื่องการใช้บัตรจ่ายแทนการจ่ายเงินสด (ในยามที่เราขาดเงินสด) ช่วยผ่อนชำระซื้อสินค้าต่างๆที่ร่วมรายการได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เช่น ผ่อน 0% นาน 10 เดือน, การสะสมแต้มตามยอดเงินที่ใช้ หรือในบางดีลการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตมีส่วนลดที่ดีกว่าการซื้อเงินสดด้วยซ้ำ
ถึงเช่นนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่าคิดกดเงินสดด้วยบัตรเครดิตเด็ดขาด เพราะถ้าผู้ถือบัตรเครดิตมีการกดเงินสด ต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสด 3% ของจำนวนเงินสดที่เบิกถอน เช่น ถ้ากดเงินสดจากบัตรเครดิต 10,000 บาท ต้องเสียค่าธรรมเนียมถึง 3% เท่ากับ 300 บาท
นอกจากนี้ข้อเสียของทั้ง 2 บัตรคือ อัตราดอกเบี้ยที่สูงเมื่อมีการผิดนัดชำระ (แตกต่างจากการถอนเงินจากบัญชีเพราะเป็นเงินของเราเอง) โดยเฉพาะบัตรกดเงินสดอัตราดอกเบี้ยโหดมากๆ (ประมาณ20-30%ต่อปี) โดยการคิดดอกเบี้ยจะเป็นการคำนวณแบบลดต้นลดดอก และหนี้ประเภทนี้จะมีดอกเบี้ยจ่ายที่แพงที่สุด เนื่องจากได้เงินสดมาใช้จ่ายล่วงหน้าโดยไม่มีทรัพย์สินใดค้ำประกัน
ทั้งหมดคือความแตกต่างของ “บัตรเงินสด” และ “บัตรเครดิต” ตัวช่วยเสริมสภาพคล่องการเงินส่วนบุคคล ที่หลายคนยังจำสับสน แล้วยังไม่แน่ใจว่าจะใช้มันอย่างไรดี
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือความฉลาดใช้ เพราะถ้าเราใช้เป็นและใช้ได้อย่างฉลาด ผลิตภัณฑ์ทางการเงินก็จะช่วยเสริมให้คุณมีแบบแผนในการใช้เงินที่ดีขึ้น เกิดความคุ้มค่าเมื่อคุณต้องใช้มัน
สนใจบัตรกดเงินสด คลิกที่นี่
สนใจบัตรเครดิต คลิกที่นี่