'ประกันสะสมทรัพย์' ฮอต ผลตอบแทนจูงใจยุค 'ดอกเบี้ยต่ำ'
“ไทยประกันชีวิต” เปิดกรมธรรม์สุดฮิตปี 63 เผย “สะสมทรัพย์” ได้รับความนิยมสูงในยุคดอกเบี้ยต่ำ-โควิด เตรียมออกประกันสุขภาพรูปแบบใหม่ มั่นใจหนุนเป้าเบี้ยปีแรกผ่านช่องทางตัวแทนโต 15%
นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ประกันกลุ่มสะสมทรัพย์ ยังจะเป็นสินค้าหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากยังให้ผลตอบแทนดึงดูด เมื่อเทียบผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ อีกทั้งยังได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี
รองลงมา เป็นสินค้าเน้นความคุ้มครอง และสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการปรับตัวสูงขึ้นของค่าบริการพยาบาล ผู้บริโภคจึงตระหนักถึงการประกันชีวิตที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในเรื่องภาระหนี้สิน การเตรียมค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เช่น การประกันอุบัติเหตุ การประกันสุขภาพ การประกันโรคร้ายแรง
ขณะที่ สินค้าในกลุ่มควบการลงทุน Unit linked, Universal Life จากการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องแสวงหาเครื่องมือทางการเงินในรูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่เงินออม อีกทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มวัยทำงานหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มบำนาญ เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ในวัยเกษียณเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มบำนาญ ยังมีจุดขายที่ช่วยกระตุ้นในการตัดสินใจซื้อคือ สิทธิประโยชน์หักลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 3 แสนบาท
นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทวางกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ช่องทางจำหน่าย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยโจทย์ใหญ่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต อยู่ที่การรับมือกับสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยต่ำและมีความผันผวน รวมถึงการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงดำเนินนโยบายพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเน้นความคุ้มครองควบคู่กับสัญญาเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว และค่าครองชีพที่สูง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในเรื่องภาระหนี้สิน การเตรียมค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน อาทิ การพัฒนาสินค้าคุ้มครองโรคร้ายแรง รวมถึงประกันสุขภาพในรูปแบบใหม่เร็วๆนี้
รวมถึง การพัฒนาและนำเสนอสินค้าควบการลงทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่เงินออมในภาวะดอกเบี้ยต่ำ และพัฒนาสินค้าในรูปแบบ Segmentation marketingเช่น สินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ หรือสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีสินทรัพย์มาก (High Net Worth) เป็นต้น
ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ มุ่งสนับสนุนการแข่งขันให้ตัวแทนเป็นหลัก ในปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยรับประกันภัยปีแรกผ่านตัวแทนประมาณ15,500 ล้านบาท เติบโต15%จากปีก่อน
....