TCAP - ซื้อ
กำลังมองหาการลงทุนใหม่ที่ไม่ใช่ TMB
Event
ประชุมนักวิเคราะห์
lmpact
ทบทวนแผนซื้อหุ้นเพิ่มใน TMB
ก่อนหน้านี้ TCAP มีเจตนาจะซื้อหุ้น TMB เพิ่มขึ้น 22.9% (จาก 20.12%) แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังทบทวนแผนดังกล่าวโดยจะดูจากจังหวะเวลา เปรียบเทียบตัวเลือกการลงทุนอื่น ๆ และ แนวโน้มธุรกิจธนาคารในอนาคต ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้เกิดสภาวะ new normal ขึ้นในหลาย ๆ ธุรกิจ ดังนั้น บริษัทจึงมองหาทางเลือกการลงทุนอื่น ๆ ที่น่าสนใจมากกว่า อย่างเช่น การซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหา (เน้นที่สินเชื่อไม่มีหลักประกัน) และอื่น ๆ ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทขาย AJM ออกไปแล้ว ทำให้มีเงินสดในมือสูงถึงประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ D/E ก็ต่ำเพียงแค่ 0.6x จึงพร้อมที่จะลงทุนเพิ่ม
เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น
จบโครงการซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นในตลาดลดลง และกำไรเพิ่มขึ้น 8%
เมื่อต้นปี 2563 TCAP ตั้งงบซื้อหุ้นคืนเอาไว้ 6.0 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น 97 ล้านหุ้น ซึ่งเท่ากับ 8.3% ของจำนวนหุ้นในตลาด ทั้งนี้ บริษัทซื้อหุ้นคืนครบตามแผนแล้วโดยใช้งบไปเพียงแค่ 4.8 พันล้านบาท(ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 51 บาท/หุ้น) หลังจากนี้บริษัทจะเข้าสู่กระบวนการลดทุนเพื่อตัดหุ้นส่วนนี้ทิ้ง ซึ่งทำ
ให้ EPS เพิ่มขึ้น 8% และมูลค่าทางบัญชีปลายปี 2563 เพิ่มขึ้นประมาณ 3 บาท/หุ้น เป็น 61 บาท/หุ้น โดยเรามองว่าราคาหุ้นจะน่าสนใจมากขึ้น คิดเป็น P/E ที่ 7.0x และ P/BV ที่ 0.6x
หลายธุรกิจที่ถือหุ้นอยู่มีแนวโน้มอ่อนแอลงใน 2Q63
TCAP เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับส่วนแบ่งกำไรจากกิจการในเครือที่บริษัทถืออยู่ใน 1Q63 (figure 1) แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการขาย AJM กำไรส่วนใหญ่จะมาจาก TMB 850 ล้านบาท THANI 260 ล้านบาท ธุรกิจ AMC 167 ล้านบาท ธุรกิจประกัน 110 ล้านบาท และ
หลักทรัพย์ 110 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอใน 2Q63 ผู้บริหารคาดว่าหลายธุรกิจที่ถือหุ้นอยู่จะยังมีแนวโน้มอ่อนแอ และจะฟื้นตัวได้ใน 2H63
คงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2563F ที่ 57.00 บาท (P/BV ที่ 1.0x, P/E ที่ 10.0x)
หากไม่รวมกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการขาย AJM กำไรจากธุรกิจหลักใน 1Q63 จะคิดเป็นประมาณ 36% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา อย่างไรก็ตามประมาณการปีนี้ของเราสะท้อนแนวโน้มที่อ่อนแออย่างที่ผู้บริหารคาดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรปี 2563-64 เอาไว้เท่า
เดิม ทั้งนี้ เนื่องจากคาดว่าจะมีกำไรพิเศษก้อนใหญ่ เราจึงคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาลและแนะนำให้ ซื้อ โดยคงราคาเป้าหมายปี 2563F ไว้ที่ 57 บาท
Risks
มีการขยายกรอบเวลาการทำดีล M&A NPL สูงขึ้น และกันสำรองเพิ่มขึ้น.