ครม. หั่นรายได้ 440 ล้านขยายเวลาลดภาษีสนับสนุนการศึกษาอีก 2 ปี
ครม.ไฟเขียวลดภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาอีก 2 ปี ดึงเอกชนร่วมพัฒนาการศึกษา คาดสูญรายได้จากภาษี 440 ล้านบาท แต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษามากขึ้น
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษฏประจำสำนักนายกรัฐมตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) มาตรการภาษีเพื่อการสนับสนุนการศึกษาและขยายเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก 2 ปีจากที่สิ้นสุดไปเมื่อวันที่31ธ.ค.2562ขยายไปเป็นวันที่31ธ.ค.2564เพื่อสนับสนุนภาคเอกชนมีส่วนร่วมพัฒนาการศึกษาต่อเนื่องช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านการศึกษาได้อีกทางหนึ่ง และเพื่อจูงใจให้เอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ผลจากการอนุมัติพ.ร.ฎ.ฉบับนี้จะทำให้จัดเก็บภาษีลดลง จำนวน 440 ล้านบาท แต่จะมีส่วนช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านการศึกษาได้อีกทางหนึ่งมากไปกว่านั้น ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการจูงใจภาคเอกชนให้มีส่วนร่วม และสนับสนุนด้านการศึกษาและพัฒนาการศึกษาทั้งหลักสูตร ครูผู้สอน สื่อการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงยกระดับสถาบันการศึกษาเฉพาะด้านสามารถพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน มีความเชี่ยวชาญสู่ความเป็นเลิศ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับโลกได้
โดยการออกพ.ร.ฎ.ในครั้งนี้เป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีโดยยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้บริจาคที่เป็นบุคคล ให้แก่ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคสที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาของรัฐสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ตามกฎหมายว่าด้วย สถาบันอุดมศึกษาเอกชน โรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และสถานศึกษที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
กรณีบุคคลธรรมดาที่นำเงินที่บริจาคมาหักเป็นค่าใช้จ่ายหรือลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่จ่าย จริง แต่เมื่อรวมกับรายการสำหรับการบริจาคตามพ.ร.ฎ อื่นๆ ต้องไม่เกิน 10 % ของเงินได้เพิ่งประมินหลังหักค่าใช้จ่ยและหักค่ลดหย่อนอื่นๆ แล้ว กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำเงินหรือทรัพย์สินมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อ รวมกับรายจ่ายในการจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา ของเอกชนหรือราชการและรายจ่ยสำหรับการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกาอื่นๆ แล้ว ต้องไม่เกิน10 % ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะและรายจ่ายเพื่อการศึกษาเพื่อการกีฬา