ลลิลแตะเบรกลงทุน 6 เดือน โควิดพ่นพิษอสังหาฯ อีอีซี

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาพรวมธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากกว่าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สังเกตได้จากตัวเลขการส่งออกติดลบ อุตสาหกรรมยานยนต์ อีเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้ามีการย้ายฐานการผลิตหลายราย และบางอุตสาหกรรมหยุดการผลิตในช่วงเดือนเม.ย. -พ.ค. ที่ผ่านมาทำให้กำลังซื้อโซนอีอีซีลดลงไป

โดยในเซกเมต์ที่กระทบคืออุตสาหกรรมบริการ การท่องเที่ยวในโซนพัทยา จ.ชลบุรี ปิดมา 3 เดือน ตัวเลขนักเที่ยวเป็นศูนย์ทำให้ตัวเลข 5 จากปกติ5 เดือนตัวเลขนักท่องเที่ยวควรอยู่ที่17 ล้านคน แต่ปีนี้ลดลงไปถึง60%

“ จากปัจจัยลบดังกล่าวจะทำให้ตลาดอสังหาฯโซนอีอีซี ฟื้นตัวช้ากว่าโซนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพราะนิวเอสเคิร์ฟอย่างอุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบหนักมาก ใครจะคิดว่า อาชีพนักบิน แอร์โฮสเตสจะตกงาน ทุกอย่างเป็นนิวนอร์มอลไปหมด”

ดังนั้นบริษัทจึงตั้งทีมมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะโซนอีอีซี เพื่อดูสภาพตลาดอสังหาฯ ในช่วงระยะเวลา3-6เดือนจากนี้ชะลอแผนการลงทุนไปก่อน เพื่อดูว่าตลาดจะฟื้นตัวเมื่อไร คงไม่บุกลุยเหมือนในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาเพราะต้องดูภาวะตลาดประกอบกัน ต้องรอดูว่า เมื่อไรที่ภาคอุตสาหกรรมการส่งออกและการท่องเที่ยวจะฟื้นตัว แม้ว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศแต่ยังไม่เพียงพอ

สำหรับแผนการตลาดในครึ่งปีหลังบริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการและให้ความสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำแทนวิธีหว่านเหมือนในอดีต โดยในครึ่งปีแรกบริษัทเปิดตัวโครงการ5 โครงการ มูลค่า3,600ล้านบาทจากเป้าหมายที่จะเปิดโครงการใหม่ 9 – 11 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 – 5,500 ล้านบาท

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการลลิล ทาวน์ แลนซิโอ คริป และ ไลโอ บลิสซ์ บางนา-เทพารักษ์ ซึ่งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม มูลค่ารวม1,800 ล้านบาท รองกับกลุ่มเรียลดีมานด์โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานที่บ้านในยุคนี้

" จากที่เคยให้ความสำคัญในเรื่องของแชร์ริ่งพื้นที่ สินค้าและบริการกัน เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ความต้องการจึงเปลี่ยน กลับมาต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น”