'อารียา' รบสงครามโควิด พิสูจน์ตัวจริงแนวราบ 20 ปี
ปักธงพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรมากว่า 20 ปี มีการพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นส่วนน้อย ในช่วงการระบาดของโควิด จึงกลายเป็นอานิสงส์ของ “อารียา พรอพเพอร์ตี้” จากพฤติกรรมความปกติใหม่ (นิวนอร์มอล) คนบางกลุ่มเริ่มหวนคิดถึงที่อยู่ได้จริง คือบ้าน ตอบโจทย์มากกว่าคอนโด
ทว่า กว่าที่อารียา จะเปิดตัวโครงการแรกของปี2563 ได้นั้นต้องรอให้โควิดคลี่คลาย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอย ในมุมมองของ "วิวัฒน์ เลาหพูนรังษี” ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นั่นเพราะความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจจะลดลงเป็นลำดับ ด้วยการเปิดตัวโครงการ “โคโม่ เบียงก้า” (COMO BIANCA) ไปเมื่อ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น ราคาเริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท ยอดขายช่วงเปิดตัว (Presale) 41 ยูนิต เดิมคาดว่าจะขายหมดในปีนี้ กลับกลายขายหมดภายในวันเดียว นำไปสู่การสร้างต่อเนื่องส่วนที่เหลืออีก 85 ยูนิต รวมทั้งโครงการในเฟสแรกจำนวน 126 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 830 ล้านบาท
“ยอดขายปิดพรีเซลล์รวดเร็ว สวนทางโควิด-19 ทำให้โดยยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ปี 2563 อยู่ที่1,500 ล้านบาท ส่งผลทำให้ครึ่งแรกของปี 2563 คาดว่าจะมียอดโอนอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมียอดโอนอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% จากยอดโอนทั้งปี 2562 อยู่ที่ 2,900 ล้านบาท”
ในฐานะนักพัฒนาอสังหาฯ เจ้าตัวระบุว่า หากเคยผ่านความตกต่ำขั้นสุดมาแล้วช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี2540 ธุรกิจติดลบ ไม่เหลืออะไร แถมยังมีหนี้พ่วงท้าย เมื่อเทียบกับวิกฤติโควิดถือว่ายังมีแต้มต่ออาวุธหลายอย่างในมือ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ และเงินทุนที่สะสมมากกว่า 20 ปี อีกทั้งยังมี แบรนด์ ก่อสร้างเองแบบ และมีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ
“วิกฤติปี 2540 ผมติดลบเป็นศูนย์ไม่เหลืออะไรเลย ปีนี้จึงเป็นปีแห่งการพิสูจน์ความเป็นตัวจริงของภาคอสังหาฯ วิกฤติรอบนี้จะเป็นการเปลียนเกมอีกกระดาน มีทั้งคนล้ม และคนที่ได้ไปต่อ”
วิวัฒน์ ยังเผยถึงสาเหตุที่ทำให้ยอดขายโครงการล่าสุด ปิดเกมได้ภายใน 1 วัน ว่าน่าจะเกิดจากวิกฤติโควิด ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่อยากอยู่บ้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่มีเงินแต่ยังไม่มีครอบครัว คนที่เคยอยู่คอนโด และคนอยู่บ้านกับครอบครัว กลุ่มคนเหล่านี้มองหาบ้านเมื่อเกิดวิกฤติโควิด อัตราส่วนคนเข้ามาชมบ้านน้อยลง แต่ตัดสินใจซื้อมากขึ้น มาชม 6 คน ซื้อ 1 คน เหลือมาชม 4 คน ซื้อ1คน
“จริงๆคนต้องการอยู่บ้านแต่รถติดจึงซื้อคอนโด แต่เมื่อโดนกักตัวอยู่บ้านทำให้คนอยู่คอนโดเริ่มคิดแล้วถึงการต้องมาใช้ลิฟท์ร่วมกับคนอื่น ที่จอดรถมีแค่ 30% หากทุกคนอยู่คอนโดพร้อมกันที่จอดรถย่อมไม่พอ และรวมถึงการใช้ชีวิตอยู่ในห้องคอนโด 24 ชั่วโมงทุกคนก็เกิดอาการเบื่อ”
อีกสิ่งที่ทำให้ยอดขายวิ่งไวปิดเร็วไม่แพ้กันคือ การปรับกลยุทธ์ทั้งการออกแบบและการตลาด รองรับไลฟ์สไตล์ยุคโพสต์โควิด-19 มีพื้นที่ทำงาน ส่วนตัวปรับวิธีการขายวันพรีเซลล์ 30 พ.ค. จำนวน 41 หลังให้คน"เปิดจองซ้อนได้"ในหลังที่ชอบ ทำให้มียอดจองพร้อมทำสัญญาซื้อขาย 60 ราย มากกว่าจำนวนยูนิตสร้างเสร็จ กลุ่มที่เข้ามาจองเป็นลูกค้าใหม่ถึง 80% ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มสร้างครอบครัว ปรับทัศนคติมองไกลมากขึ้น
“เป็นการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาพตลาด หากต้องการให้ขายพร้อมโอน เพราะต้องยอมรับว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50%และยังมีกลุ่มที่เปลี่ยนใจ ขณะเดียวกันแบบบ้านโมเดิร์น พรีเมี่ยม ราคากลางๆ เริ่มต้นที่ 4.99 -6 ล้านบาท ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มตลาดกลาง”
ทั้งนี้โครงการโคโม่ เบียงก้า ตั้งอยู่ใน อารียา ฮาร์ท ควอเตอร์ บางนา ถัดจากเมกาบางนา ถือเป็นย่านที่อารียาครองพื้นที่ แม้จะมีคู่แข่งในพื้นที่หลากหลายทุกแบรนด์ ทุกระดับราคา แต่ด้วยการไปปักธงเจ้าแรกๆ ในพื้นที่โซนเมกา บางนา จึงพัฒนาโครงการในบริเวณนี้ไปแล้ว 25 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเดอะคัลเลอร์ส 10 โครงการ, อารียาโคโม่ 5 โครงการ และอารียาบริกก์ 2 โครงการ และโบทานิกา (Botanica) 1โครงการ เนื้อที่รวม 371 ไร่ 1 งาน 54.4 ตารางวา(ตร.ว.) จำนวน 3,158 ยูนิต ยังเหลือพื้นที่พัฒนารอบๆ อีกประมาณ 100 ไร่ หรือประมาณ 10 โครงการ
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 2563 มีทั้งสิ้น 8 โครงการ แบ่งเป็น โซนบางนา จำนวน6โครงการ ประกอบด้วย เดอะ คัลเลอร์ส2โครงการ,เดอะวิลเลจ 3 โครงการ และ โคโม่ โบทานิกา (COMO Botanica)1โครงการ และโครงการเปิดใหม่โซนกาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์ (ไทรน้อย) จำนวน2โครงการ ประกอบด้วย เดอะคัลเลอร์ส1โครงการ และ เดอะ เพลส1โครงการ