'Travel Bubble' คืออะไร? ไทย เตรียมปลดล็อคให้ไปที่ไหนบ้าง!?
ทำความเข้าใจง่ายๆ "Travel Bubble" คืออะไร? กลุ่มเป้าหมายแรกของไทย คือประเทศใด?
หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายและมีทิศทางไปในแนวทางที่ดีขึ้น รวมถึงการปลดล็อคเคอร์ฟิว ทำให้ภาคส่วนธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคส่วนต่างๆ จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
ซึ่งในช่วงนี้หลายคนมักจะได้ยินคำว่า "Travel Bubble" มาตรการที่ภาครัฐนำมากระตุ้การท่องเที่ยวไทย ซึ่งถือเป็นเซ็กเตอร์ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย และสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล วันนี้ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จะพาไปทำความรู้จักกับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่นี้กันว่าคืออะไร? และจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง?
โดยข้อมูลของเพจไทยคู่ฟ้า ได้อธิบายแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ Travel Bubble ไว้ดังนี้
Travel Bubble คือ การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองประเทศที่สามารถจัดการเรื่องโรค COVID-19 ได้ดีเท่าๆ กัน โดยพิจารณาจากสถานการณ์การระบาดในประเทศนั้น มีการผ่อนคลายการควบคุมโรคแล้วหรือไม่ มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศอยู่หรือไม่ และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีต่อกัน
ทั้งนี้ผู้เดินทางภายใต้ความตกลง Travel Bubble สามารถเดินทางภายใน Bubble ดังกล่าว โดยไม่ต้องถูกกักตัวดังเช่นบุคคลสัญชาติอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือความตกลงนี้ โดยทำเป็นข้อตกลงร่วมกันในลักษณธทวิภาคี (Bilateral Agreement) เพื่อกำหนดจำนวนคนที่จะอนุญาตให้เดินทางแลกเปลี่ยนกัน ภายใต้การจัดการพิเศษ (Special Protocols) ได้แก่ การขอวีซ่า การโดยสารเครื่องบิน (Flights) ที่พัก (Accommodations) การเยี่ยมเยือน (Visits) การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interaction) และผู้รับประกัน (Guarantor)
Travel Bubble จะกระทำได้ หากประเทศคู่ตกลงไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว หรือมีจำนวนผู้ติดเชื้อในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน และมีการจัดการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเท่าๆ กัน ฉะนั้นทั้ง 2 ประเทศต้องมีความเชื่อมั่นในการจัดการเรื่อง COVID-19 ซึ่งกันและกัน ต้องมีมาตรการตรวจหาเชื้อและป้องกันอย่างเข้มงวด โดยต้องตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางออกนอกประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าไทย
มาดูตัวอย่างประเทศที่จะทำ Travel Bubble ได้แก่ จีน (บางเมือง)-สิงคโปร์, กรีซ/ไซปรัส-อิสราเอล, เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย-กลุ่มประเทศบอลติก, นิวซีแลนด์-ออสเตรเลีย และบางประเทศ-จอร์เจีย
ทั้งนี้การที่จะเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว (Georgia Model) ได้นั้น ต้องพิจารณาถึงประเด็นสำคัญๆ ดังนี้
- ต้องเลือกนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย โดยกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ว่าในแต่ละเดือนจะให้เข้ามาได้เท่าไร มีกี่เที่ยวบิน และจากเส้นทางใด
- สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในยุค COVID-19 และ Post-COVID-19 ชูจุดแข็งประเทศด้านสาธารณสุขและการฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยว หลังจากที่มีการล็อกดาวน์มาระยะหนึ่ง
- กำหนด Safe Zone for Tourism เมืองหลัก เมืองรองที่เต็มใจรับนักท่องเที่ยว เลือกแหล่งท่องเที่ยว
- การเช็คอินและเช็คเอาท์ก่อนมาตรวจรับรอง COVID-free มีใบรับรองแพทย์รับรอง Fit to Fly ต้องซื้อประกันสุขภาพที่รับรอง COVID-19 มาถึงมี Rapid Test
- วางมาตรการ Saft Hospitality Service โรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว
- ระบบดิจิทัลให้โหลดแอพพลิเคชั่นในการ Track ติดตามตัว
สำหรับเป้าหมายของประเทศไทยในระยะแรก ที่จะจับมือด้านการท่องเที่ยวกับประเทศต่างๆ ดังนี้
1.จีน รวมฮ่องกง และมาเก๊า มีการหารือกับภาครัฐระดับเมืองของจีน และสำนักงานพาณิชย์ของฮ่องกง แสดงความประสงค์ที่จะหารือกับฝ่ายไทยต่อ เพื่อให้เกิด Travel Bubble ระหว่างกัน
2.เวียดนาม มีการหารือแล้วกับ Vietnam National Administration of Tourism (VNAT) ซึ่งแสดงความสนใจที่จะหารือกับฝ่ายไทยต่อ
3.ประเทศอื่นๆ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ลาว เมียนมา กัมพูชา และตะวันออกกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างหารือ โดยสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ
ทั้งนี้อาจเริ่มพร้อมกันหลายประเทศในลักษณะเป็น Group Bubble ก็ได้
ที่มา : facebook.com/ThaigovSpokesman