STEC - ซื้อ
ปีแห่งการสะสมงานในมือเพิ่ม
Event
อัพเดตข้อมูลของบริษัท
lmpact
เซ็นสัญญา backlog เฟสแรกของโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภา 2 หมื่นล้านบาทไปแล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีการลงนามในสัญญา PPP net cost ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฟสแรกของ backlog มูลค่า 2 หมื่นล้านบาทสำหรับ terminal ที่สาม ซึ่งจะรอบรับผู้โดยสารได้ปีละ 16 ล้านคน โครงการนี้แบ่งออกเป็น 4 เฟสซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ถึงปี ละ 60 ล้านคน เราคาดว่า STEC จะได้ backlog จาก
โครงการนี้รวม 6 หมื่นล้านบาท (รวม 4 เฟส) โดยในขั้นตอนต่อไป BBS จะเตรียมจัดทำ master plan ในเสร็จภายใน 60 วัน และเราคาดว่างานก่อสร้างจะเริ่มต้นได้ใน 2H64 เนื่องจาก consortium ยังต้องจัดทำแบบก็สร้างอย่างละเอียด (detailed design) อีก ทั้งนี้ โครงการนี้ไม่น่าจะมีอุปสรรคในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของกองทัพเรือ โดยเราได้รวมโครงการนี้เข้าไว้ในการประมาณการกำไรของเราเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าจะออก TOR โครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก (PPP Net Cost) ได้ในเดือน ก.ค.
การรถไฟฟ้าขนส่งมวบชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตั้งเป้าจะออก TOR โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกในเดือนกรกฎาคม 2563 (แบ่งเป็นงานโยธา ~9 หมื่นล้านบาท และงาน M&E ระบบราง ~3 หมื่นล้านบาท) เราคาดว่าจะมี consortium สองกลุ่มเข้าร่วมประมูลโครงการนี้ ได้แก่ i) Ch. Karnchang
(CK.BK/CK TB)* ร่วมกับ Bangkok Expressway and Metro (BEM.BK//BEM TB)* และ ii) BGSR consortium ซึ่งประกอบด้วย BTS Group Holdings (BTS.BK/BTS TB)*, Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)*, Sino-Thai Engineering & Construction (STEC.BK/STEC TB)*, Ratch Group (RATCH.BK/RATCH TB)* และ China Harbour Engineering ซึ่งจากการที่เราได้ทำการวิเคราะห์แต่ละ consortium (Figure 1) เรามองว่า BGSR มีโอกาสชนะประมูลโครงการนี้สูงกว่า (60:40)
ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากความล่าช้าของขบวนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง
เนื่องจาก STEC รับผิดชอบเฉพาะการก่อสร้างงานโยธา ดังนั้น เราจึงคาดว่าความล่าช้าที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับ STEC เพราะงานด้านระบบราง และการเปิดดำเนินการเป็นความรับผิดชอบของ BTS แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าประเด็นนี้จะส่งผลลบเล็กน้อยในแง่ที่ทำให้การเปิดดำเนินการบางส่วน (คาดว่าจะเปิดในเดือนตุลาคม 2564) ต้องล่าช้าออกไปอย่างน้อยสามเดือนเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศจีน
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 19.20 บาท อิงจาก PER ที่ 26.5x (PER เฉลี่ยระยะยาว +1 S.D.) เราเลือก STEC เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเนื่องจาก i) backlog ฟื้นตัวได้ดีอยู่ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท (รวม 2 หมื่นล้านบาทจากโครงการเมืองสนามบินอู่ตะเภาแล้ว) และ ii) จะมี backlog ใหม่เพิ่มเข้ามาอีกจากโครงการรถไฟฟ้ าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย (2 พันล้านบาท) และงาน O&M มอเตอร์เวย์ (5-6 พันล้านบาท) ในขณะที่อาจจะมี backlog ก้อนใหญ่ (~1.20 แสนล้านบาท) อีกจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกซึ่งถือเป็น upside ของ backlog ถ้าหากว่า BGSR ชนะประมูล
Risks
งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด ขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนค่าวัสดุแพงขึ้น