พาณิชย์ ดันน้อยหน่าปากช่อง สินค้าจีไอ หวังโกยรายได้สู่ชุมชน
“วีรศักดิ์”ลงพื้นที่โคราช ตรวจสอบแหล่งผลิต“น้อยหน่าปากช่อง” ดันขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ คาดสร้างรายได้ให้ชุมชน เล็ง”ทุเรียนปากช่อง”เป็นคิวต่อไป
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนและนายทศพล ทังสุบุตร อธิดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งเพาะปลูกและแหล่งผลิต “น้อยหน่าปากช่อง” ที่เตรียมขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือจีไอ( GI) รายการใหม่ของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่ง“น้อยหน่าปากช่อง”เป็นผลไม้ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นกว่าน้อยหน่าที่อื่น ซึ่งหากได้รับการขึ้นทะเบียน จีไอแล้ว คาดว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับ “น้อยหน่าปากช่อง” ปลูกมากในพื้นที่อำเภอปากช่อง ซึ่งมีสภาพดินแดงเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกน้อยหน่ามากที่สุด มีฤดูกาลผลิตในช่วง พ.ค.-ธ.ค. ของทุกปี แบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ คือ 1. สายพันธุ์น้อยหน่าฝ้าย มีลักษณะตาแคบ ร่องตาลึก รสหวาน เนื้อสีขาวละเอียดครีม กลิ่นหอม 2. สายพันธุ์น้อยหน่าหนัง มีลักษณะตากว้าง ร่องตาตื้น เนื้อสีขาวละเอียดเหนียว เปลือกร่อนได้ง่าย 3. สายพันธุ์น้อยหน่าลูกผสม มีลักษณะผลใหญ่ รูปหัวใจ ผิวค่อนข้างเรียบ ร่องตาตื้น เปลือกบางลอกจากเนื้อได้ง่าย เนื้อเหนียว กลิ่นหอม รสชาติหวาน
" นอกจากน้อยหน่าปากช่องแล้วตนยังได้ร่วมหารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ถึงความเป็นไปได้ในการส่งเสริมสินค้าใหม่ๆ อาทิ ทุเรียนปากช่องเพื่อผลักดันให้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอในอนาคตต่อไป"นายวีรศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังการเยี่ยมชมแหล่งเพาะปลูกและแหล่งผลิต “น้อยหน่าปากช่อง”แล้วตนยังได้เดินทางไปยังศาลาประชาคมบ้านดอนสระจันทร์ อ.ถนนโพธิ์ อำเภอโนนไทย จ.นครราชสีมา เพื่อมอบหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนจีไอ สำหรับมะขามเทศเพชรโนนไทยของจังหวัดนครราชสีมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจีไอ ไป เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้รับมอบหนังสือรับรอง ทำให้ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีสินค้า GI ที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุดในประเทศไทยเทียบเท่าจังหวัดเชียงราย ถึง 6 รายการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับสินค้าจีไอ ทั้งการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายภายในประเทศ ได้มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นการบริโภคสินค้าจีไอ แล้ว เพราะสินค้าจีไอ เป็นสินค้าท้องถิ่น ที่มีคุณภาพ เป็นของดี ของหายาก ส่วนในตลาดต่างประเทศ ก็ให้เร่งส่งเสริมเช่นเดียวกัน และต้องทำควบคู่กับการผลักดันการจดทะเบียนคุ้มครองจีไอ ในต่างประเทศ