ติดตามการระบาดระลอกสอง เริ่มถึงจุดที่ตลาดอาจกลับมากังวล (ยอดผู้เสียชีวิต)
จับตาใกล้ชิดจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นติดต่อกันหลายวัน
ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันของทั้งโลก 9 ก.ค.อยู่ที่ 5,404 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ 960 ราย ยอดผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมาเริ่มสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้าและอาจเป็นสัญญาณที่ทำให้ตลาดกลับมากังวล หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดมองข้ามจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจากตัวเลขเสียชีวิตที่ทรงตัวถึงลดลง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้อาจเห็นการใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดมากขึ้นจนกระทบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และยังคงจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวด เป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นที่พึงพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มพลังงาน แต่เป็นบวกกับกลุ่มอาหารจากราคาเนื้อสัตว์ที่ทรงตัวระดับสูง ขณะที่หุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงมีรายได้ที่มั่นคง อย่างสื่อสาร สาธารณูปโภค จะกลับมาน่าสนใจ ส่วนกลุ่มที่อาจทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว (เนื่องจากงบไตรมาส 2/63 อ่อนแอ) ได้แก่ การแพทย์ และค้าปลีก
การประกาศงบเริ่มสัปดาห์หน้า ประเดิมด้วยกลุ่มธนาคาร ซึ่งจากหุ้น 8 ตัวที่อยู่ในการวิเคราะห์ของทีมพื้นฐานเรา คาดจะรายงานกำไรไตรมาส 2/62 รวมที่ 40.9 พันล้านบาท -12% QoQ, –20% YoY ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอมาจากรายได้ค่าธณรมเนียมที่ลดต่ำลง, การตั้งสำรองและหนี้เสียที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิด ทั้งนี้คาด TMB เป็นธนาคารที่มีกำไรเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากการรวมงบของธนาคารธนชาตเข้ามา ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของธนาคารส่วนใหญ่จะลดลงจากไตรมาสแรก ยกเว้น BBL, KBANK และ TISCO ที่คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ ซึ่งในกลุ่มนี้เมื่อมองความเสี่ยงจากการตั้งสำรองและสถานะการเงิน เราเลือกหุ้นเด่นเพียงตัวเดียวคือ BBL
การเปลี่ยนแปลงทีมเศรษฐกิจต้องเก่งและเร็ว ความเปลี่ยนแปลงภายในพปชร. ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครม. สิ่งที่ตลาดคาดว่าจะเห็นคือ รายชื่อทีมเศรษบกิจใหม่ที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงควรจะเร็วที่สุด เนื่องจากหากล่าช้าจะเป็นสัญญาณลบถึงมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทย (อาจถูกมองว่าเศรษฐกิจแย่มาก จนหาคนมาเป็นรมต.ไม่ได้)
Theme การลงทุนและกลุ่มที่น่าใจ เรายังเน้นลงทุนอย่างระมัดระวังและเลือกหุ้นปลอดภัย (defensive) มากขึ้น ระหว่างรอประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการระบาด 1) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ออกมาดี ได้แก่ ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ SCC, IVL, TIP, THRE, STA 2) กลุ่มปลอดภัยหรือรายได้มั่นคง (defensive) ได้แก่ CPALL, ADVANC, INTUCH, RATCH, SSP, SUPER 3) กลุ่มที่เห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง EASTW, WHAUP, CPF, TU 4) กลุ่มสถาบันการเงินอยู่ใน valuation ต่ำและสะท้อนปัจจัยความกังวลไปพอสมควร BBL, KBANK 5) กลุ่มเดินเรือ PSL 6) อสังหาฯ ชอบ SPALI, SC, AP // กลุ่มบรรจุภัณฑ์ ควรพิจารณาแบ่งทำกำไร AJ, PTL หลังขึ้นแรง
ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัวแบบมีแรงทำกำไรสลับ คงมุมมอง ก.ค. จะเป็นช่วงที่ผันผวนจากการระบาดระลองสอง เก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงทุกครั้ง // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร TU*, WHAUP*, INTUCH*
แนวรับ 1,357 จุด / แนวต้าน : 1,373-1,387 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%
ประเด็นการลงทุน
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐต่ำกว่าสัปดาห์ที่แล้ว - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ 99,000 ราย โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจขยับขึ้นเล็กน้อยในรอบ 14 เดือน – ดัชนีความหอการค้าประจำเดือนมิ.ย. 2563 (TCC INDEX) ปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 31.5 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในรอบ 14 เดือนนับตั้งแต่พ.ค. 2562 หากแต่ยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงจากผลกระทบโควิด-19
AOT เสี่ยงตั้งสำรองหนี้การบินไทย 3 พันล้านบาท – จากกรณี THAI ขอให้ AOT ยกเลิกหรือลดหนี้ จำนวน 3 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นลูกหนี้การค้าราว 800 ล้านบาท และข้อพิพาทางแพ่งราว 2 พันล้านบาท
ประเด็นติดตาม: 24 ก.ค. – ครม. พิจารณามาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว/ 9 ส.ค. – เลือกตั้งซ่อมสมุทรปราการ
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)