'สนธิรัตน์'อำลาข้าราชการกระทรวงพลังงาน ยันผูกพันกับนายก

'สนธิรัตน์'อำลาข้าราชการกระทรวงพลังงาน ยันผูกพันกับนายก

"สนธิรัตน์" อำลาข้าราชการกระทรวงพลังงาน พร้อมกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพลังงาน หลังทำงานครบ 1 ปี พร้อมฝากงานให้ข้าราชการสานต่อ ยัน ผูกพันกับนายกฯ แม้ไม่มีสัญญาใจ

วันนี้(17ก.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางเข้ากราบสักการะพระพรหมเจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพลังงาน เนื่องในโอกาสอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังจากได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 16 ก.ค.63 หลังปฏิบัติภารกิจมาครบ 1 ปี

โดยมีผู้บริหารระดับสูงประจำกระทรวงพลังงาน นำโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยข้าราชการและผู้บริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงฯ

159496078373

พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมประชุมหารือกับข้าราชการดังกล่าว เพื่อสรุปแผนการทำงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และฝากสานต่อแผนงานต่างๆที่คั่งค้างอยู่ โดยเฉพาะนโยบาย Energy For all เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่มีเป้าหมายรับซื้อไฟจำนวน 700 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นประเภท Quick win 100 เมกะวัตต์ และอีก 600 เมกะวัตต์ ประเภททั่วไป, โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่มีเป้าหมายรับซื้อไฟฟ้า 50 เมกะวัตต์ในปีนี้ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ให้ครบ 60 วัน และโครงการพลังงานน้ำมันบนดิน สำหรับการใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน เข้ามาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ เป็นต้น

นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังถามว่า มีสัญญาใจอะไรกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่  นายสนธิรัตน์ ตอบว่า ไม่มีสัญญาใจใดๆ ผูกพันกับอยู่แล้ว เพราะร่วมงานกันมานาน ส่วนกรณีที่ใครจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทนตนนั้น ก็เป็นหน้าที่ของท่านนายกฯ ที่จะพิจารณา ซึ่งท่านนายกเข้าใจบทบาทของกระทรวงพลังงานอยู่แล้ว

159496080431

และไม่ขอตอบคำถามว่าระหว่างรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาชิงตำแหน่งรัฐมนตรีฯ เช่น นายไพรินทร์ และนายสุริยะ นั้น ก็ไม่ขอออกความคิดเห็น แต่ในฐานะที่ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีฯมาครบ 1 ปี มองว่า ขอให้เป็นบุคคลที่เป็น “นักบริหาร” ก็จะสามาถทำงานได้ เพราะมีข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถช่วยแนะข้อมูลให้ ซึ่งหากมีความตั้งใจดี ก็จะทำงานได้

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ว่างเว้นงานทางการเมือง ก็จะขอพักผ่อนก่อน และอาจจะกลับมาทำบาทบาทหน้าที่เดิมเพื่อชุมชน ในมูลนิธิสัมมาชีพต่อไป ส่วนจะกลับเข้าเล่นการเมืองหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังมองไม่เห็นโอกาส เพราะตนยังไม่ตำแหน่งทางการเมือง