STEC - ซื้อ

STEC - ซื้อ

ประมาณการ 2Q63: กำไรโต QoQ จากเงินปันผล

Event

ประมาณการ 2Q63

lmpact

คาดว่ากำไรใน 2Q63 จะโต QoQ จากรายได้เงินปันผล

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ STEC ใน 2Q63 จะอยู่ที่ 280 ล้านบาท (+4.5% YoY, +33.7% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะมาจากรายได้เงินปันผลจาก i) Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)* และ ii) Thai Solar Energy (TSE.BK/TSE TB) เราคาดว่ารายได้จะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 9.2 พันล้านบาท (+26.0% YoY, -1.5% QoQ) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลือง ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น และ สัดส่วน SG&A/ยอดขายจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 4.3% และ 1.7% ตามลำดับ ทั้งนี้ หากผลประกอบการ 2Q63 เป็นไปตามที่เราคาดไว้ กำไรสุทธิใน 1H63 จะคิดเป็น 47.5% ของประมาณการกำไรปี นี้ของเรา นอกจากนี้ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 2H63 จะเพิ่มขึ้น HoH เนื่องจากจะมีการเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้า IPP Gulf ปลวกแดง

STEC ซื้อเอกสารการประมูลโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก (งานโยธา ~9 หมื่นล้านบาท)

STEC ได้เข้าซื้อเอกสาร Request for Proposal documents (RFP) ในสัปดาห์ที่แล้ว เราคาดว่า STEC จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ consortium ที่มี BTS เป็นแกนนำ โดยผู้บริหารยืนยันว่าประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาจะทำให้บริษัทมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมประมูลสำหรับรับงานโยธา (ออกแบบ และ
ก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และงานวางรางแบบ ballastless)

Backlog ยังแข็งแกร่งโดยจะได้ backlog ใหม่ในอนาคต

ในปัจจุบัน STEC มียอด backlog อยู่ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท (รวม backlog เฟสแรกของโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา 2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจะทำให้มียอดรับรู้รายได้ไปอีกประมาณ 3.5-4 ปี โดยในระยะสั้น จะมี backlog รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย (2 พันล้านบาท)

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ STEC และให้ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 19.20 บาท อิงจาก PER ที่ 26.5x (PER เฉลี่ยระยะยาว +1 S.D.) เราเลือก STEC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเรามองว่า consortium ที่มี BTS เป็นแกนนำมีโอกาสชนะประมูลมากกว่า (60:40) ซึ่งหากเป็นจริงก็จะทำให้ backlog ของ STEC พุ่งขึ้นสู่ระดับแสนล้านบาท

Risks

กำหนดการก่อสร้างล่าช้า ขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนค่าวัสดุแพงขึ้น