‘บีดีเอ็มเอส’ พ้นจุดต่ำสุด? คนไข้ฟื้น-หนุนงบครึ่งปีหลัง
แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าผลประกอบการงวดล่าสุดไตรมาส 2 ปี 2563 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่กำลังทยอยประกาศในช่วงนี้ คงไม่สดใสเท่าไหร่ หลายบริษัทน่าจะเจ็บหนัก หลังถูกพิษโควิด-19 เล่นงานจนอ่วม!
แต่เมื่องบฯ ออกมาจริงก็อดที่จะใจหายไม่ได้ เพราะซบเซากันไปหมด เนื่องจากเป็นช่วงพีคของโรคระบาด จนต้องมีการล็อกดาวน์ปิดประเทศ ห้ามต่างชาติเข้าไทย ส่วนในประเทศก็เข้มงวดไม่ต่างกัน หลังรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการจำกัดการเดินทางของประชาชน สั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ ถือเป็นยาแรงที่ถูกงัดออกมาใช้ เพื่อป้องกันและควบคุมโรคระบาด แต่อีกมุมก็ต้องแลกมากับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ
“โรงพยาบาล” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่โดนหางเลขจากโควิด เห็นได้จากงบฯ ที่ประกาศออกมาเรียกว่าสาหัส ประเดิมด้วยบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ทั้งรายได้กำไรลดฮวบจนน่าใจหาย และคาดว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้มากที่สุด เนื่องจากรายได้หลักมาจากลูกค้าต่างชาติที่บินตรงเข้ามารับบริการ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60%
เปิดงบฯ ดูมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 2,422 ล้านบาท ลดลง 43.4% จาก 4,279 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562 หลังรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยคนไทยลดลง 13% ส่วนผู้ป่วยต่างชาติรายได้ลดลงถึง 58.9% เพราะไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้จากมาตรการล็อกดาวน์ปิดประเทศ
ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติในไตรมาสนี้ลดลงเหลือ 48.1% จากช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 ที่ 66.2% ขณะที่รายได้จากกลุ่มคนไข้ชาวไทยเพิ่มเป็น 51.9% จากระดับ 33.8% ในไตรมาส 2 ปี 2562
ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะพยายามรัดเข็มขัด ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทุกวิถีทาง แต่เนื่องจากรายจ่ายประจำที่สูง ทำให้กำไรสุทธิดิ่งหนัก! เหลือเพียง 44 ล้านบาท จาก 725 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2562 หรือ ลดลงถึง 93.9% ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีกำไรเพียง 810 ล้านบาท ลดลง 55.2% จากครึ่งแรกของปี 2562 ที่ 1,806 ล้านบาท ผลประกอบการที่อ่อนแอจากพิษโควิดกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนไล่ขายหุ้น BH ฉุดราคาจ่อหลุดระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 100 บาท เข้ามาทุกที
เห็นงบฯ ของ BH แล้ว เดาได้เลยว่าโรงพยาบาลอื่นๆ ก็แทบไม่ต่างกัน โดยเฉพาะ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เพราะมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเยอะราวๆ 30% ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ไตรมาสแรก และแน่นอนว่าจะหนักสุดๆ ในไตรมาส 2
ซาวด์เช็คจากบรรดากูรูมองคล้ายๆ กัน บล.เอเชีย พลัส คาดจะมีกำไร 829 ล้านบาท ลดลง 56% จาก 1,856 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 เป็นผลจากรายได้คนไข้ต่างชาติที่ลงหนัก เนื่องจากไม่สามารถบินเข้ามารับบริการได้ ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิเหลือแค่ 853 ล้านบาท ลดลง 54.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 66.8% จากไตรมาสก่อน คิดเป็น 12.5% ของประมาณการกำไรทั้งปีของฝ่ายวิจัยที่ 6.84 พันล้านบาท
ส่วนบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิ 737 ล้านบาท ลดลง 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 71% จากไตรมาสก่อน ถูกกดดันจากจำนวนคนไข้ทั้งในประเทศและต่างชาติลดลงในช่วงที่โควิด-19 ระบาด จนต้องมีการล็อกดาวน์ ส่งผลให้การประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) น้อยลงไปด้วย
แม้แนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีแรกจะอ่อนแอ แต่นักวิเคราะห์ทั้ง 3 ค่ายต่างพร้อมใจเชียร์ “ซื้อ” หุ้น BDMS เพราะมองว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้ว สถานการณ์โรคระบาดดีขึ้นตามลำดับ จนนำมาสู่การปลดล็อกดาวน์ และเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวของผู้ป่วยชาวไทยตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยในไทยก็เริ่มกลับมารับบริการตามปกติ ขณะที่คนไข้ต่างชาติกลับมาแล้วเช่นกัน หลังรัฐบาลได้ผ่อนปรนเปิดให้เข้ามารักษาตัว โดยสามารถเข้ารับบริการและเลือกกักตัวในโรงพยาบาลได้ หนุนภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีหลัง
ที่สำคัญหากมองภาพในระยะยาว BDMS ยังน่าสนใจรับกับสังคมผู้สูงอายุ การดูแลรักษาสุขภาพ ความงาม ผิวพรรณ ซึ่ง BDMS ได้เปรียบในฐานะเครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ขณะที่ตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่เบื้องต้นคงต้องรอให้มีวัคซีนออกมาก่อน
นอกจากนี้ การที่บริษัทเข้าไปจับมือเป็นพันธมิตรกับ “ผิงอัน เฮลธ์” บริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดของจีน รวมทั้ง “วิริยะประกันภัย” ถือเป็นกลยุท์สำคัญในการเจาะตลาดประกันสุขภาพที่ยังมีช่องว่างให้เติบโตอีกมหาศาล