โนเบิล ผุดแพลตฟอร์ออนไลน์ จับลูกค้าจีน- ตปท.โกยยอดขาย
โนเบิล เผยยอดขายต่างประเทศรั้งมาร์เก็ตแชร์เบอร์หนึ่ง หลังพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์รองรับลูกค้าคนจีน ฮ่องกง ไต้หวันและสิงคโปร์ สนใจซื้ออสังหาฯเมืองไทยเพื่อการลงทุนและเป็นบ้านหลังที่ 2
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 6 เดือนที่ผ่านยอดขายจากต่างประเทศมาจากช่องทางออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วน1 ใน 3ของรายได้ที่มาจากช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์หลังจากเกิดโควิดในประเทศจีน เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถเดินทางออกมาจากประเทศจีนได้ จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ดิจิทัลเซลล์ออกมาทำให้ลูกค้าสามารถดูไลฟ์สด เช็คราคาระบบชำระเงินออนไลน์ (เพย์เมนต์) ซึ่งตอบสนองกับพฤติกรรมของลูกค้าจีนที่คุ้นเคยกับช่องทางออนไลน์หลังจากที่มีการปิดประเทศ รวมทั้งคนไทยที่สนใจสามารถดูได้ด้วย
"จากการที่ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดได้ดีส่งผลให้กลุ่มลูกค้าต่างประเทศให้ความสนใจที่เข้ามาซื้ออสังหาฯในประเทศไทยเพื่อการลงทุนและเป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น ทำให้ยอดขายออนไลน์จากต่างประเทศยังคงเติบโต แม้ว่าจะยังคงล็อคดาวน์ โดยสามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า900ล้านบาทหรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 34% ของยอดขายอสังหาฯ ไทยให้กับลูกค้าต่างชาติทั้งตลาดในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โดย70% ของลูกค้าต่างชาติเป็นค้าจีนแผ่นดินใหญ่ 68% รองลงมาเป็นฮ่องกง มีสัดส่วน14% ไตหวัน5% และสิงคโปร์ 3 %คาดว่าในปีนี้จะมียอดขายจากต่างประเทศ 2,000 ล้านบาท"
นายธงชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากโควิดไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการอสังหาฯรายอื่น ถือเป็นปีการทำงานยากลำบากแต่จากแนวทางการทำงานถูกจังหวะเวลาทำให้ยอดขายและรายได้เติบโตได้ดี โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ มียอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดและโครงการบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 1,752 ล้านบาท มาจาก โครงการโนเบิล รีโคล สุขุมวิท 19, โนเบิล บี เทอร์ตี้ทรี, โนเบิล เพลินจิต, โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา, โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2, โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี, โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล, โนเบิล รีโว สีลม และ โนเบิล รีเวนต์ รวมทั้งแคมเปญ RESET PRICE, RESUME LIFE ที่รวมคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ราคาพรีเซล ขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งสามารถทำยอดขายกว่า 1,600 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัท ยังได้มีการเปิดตัวโครงการนิว ( NUE) เพื่อรุกตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่อย่างต่อเนื่องจำนวน 3 โครงการมูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท
โดยสัดส่วนยอดขายครึ่งปีแรก มาจากยอดขายภายในประเทศ 1,727.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมาจากยอดขายตลาดต่างประเทศ 894.8 ล้านบาท ลดลง 58.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ยังคงเติบโตได้มากกว่าคู่แข่ง เนื่องจากพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ออกมารองรับ
"ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวกหลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่สภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วที่สุด และฮ่องกง ซึ่งมีการมองหาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อการลงทุนและเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ขณะที่ไต้หวันและสิงคโปร์เป็นตลาดมีศักยภาพที่บริษัทมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
นายธงชัย ระบุว่า ในปีนี้บริษัทจะสามารถสร้างรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายพรีเซลไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาทจากโครงการที่เปิดใหม่และโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่และ มีรายได้ที่รอการรับรู้ (Backlog) อีกกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จนถึง 3 ปีข้างหน้า
ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างขายปัจจุบันมีทั้งหมด 18 โครงการ มูลค่ารวม 31,000 ล้านบาท ในปีนี้เปิดตัว 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท ได้แก่ โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี, โนเบิล สเตท 39, นิว โนเบิล งามวงศ์วาน, นิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว และนิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลังและอีก 2 โครงการเตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ ได้แก่ โครงการโนเบิลย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 55 มูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ บนถนนวิทยุ มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท คาดว่าขายราคา 3 แสนบาทต่อตร.ม. แต่อาจจะเลื่อนไปเปิดตัวต้นปีหน้าต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง