“พาณิชย์”เตรียมเสนอนบข. ไฟเขียวยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี
“จุรินทร์”เคาะยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี 4 พันธกิจ ตั้งเป้า ทำตลาด-เพิ่มผลผลิตเป็น 600 กก.ต่อไร่ พร้อมอำนวยความสะดวกการวิจัยและการใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้า หวังข้าวไทยครองใจผู้บริโภคทั่วโลก เตรียมเสนอเข้านบข. ก่อนชงครม.เห็นชอบต่อไป
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ครั้งที่ 2 /2563 ว่า ที่ประชุมได้จัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-2567 โดยมีเป้าหมายทำให้ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิต การตลาดและผลิตภัณฑ์ข้าวแปรรูปในตลาดโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์”ตลาดนำการผลิต”ซึ่งได้จัดกลุ่มข้าวไทยออกเป็น 7 ชนิดตามความต้องการของตลาด คือ ตลาดพรีเมียม ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิไทย ตลาดทั่วไป ข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง และตลาดเฉพาะ ข้าวเหนียว ข้าวสีและข้าวคุณลักษณะพิเศษ ส่วนตลาดแบ่งออกเป็น 3 ตลาด 1.ตลาดพรีเมียม 2.ตลาดทั่วไป 3.ตลาดเฉพาะ
สำหรับพันธกิจ 4 ด้านที่จะดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2563-67 ประกอบด้วย 1.ตลาดต่างประเทศ จะมุ่งเน้นในเรื่องการสนองต่อความหลากหลายของตลาดข้าวซึ่งมีความต้องการข้าวที่หลากหลายชนิดที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวพื้นนุ่มที่เป็นความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และจะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนให้กับการส่งออกข้าวไทย เพื่อให้แข่งได้
2.ตลาดในประเทศ จะดำเนินการในการสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของการบริโภคในประเทศและการผลิตในประเทศทั้งในด้านซัพพลายและดีมานด์ โดยใช้การตลาดนำการผลิต โดยร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการส่งเสริมการปลูกข้าวที่ตลาดต้องการ และจะช่วยบริหารจัดการข้าว ทั้งการเชื่อมโยงการซื้อขายข้าว และการจำหน่าย
3.ด้านการผลิต จะดำเนินการลดต้นทุนการผลิตให้เหลือไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท ภายใน 5 ปี , เร่งเพิ่มพันธุ์ข้าวใหม่ไม่น้อยกว่า 12 พันธุ์ มุ่งเน้นพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีลักษณะ สั้น เตี้ย ดก ดี โดยมีข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวหอมไทย 2 พันธุ์ และข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์
นอกจากนี้จะเร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเฉลี่ย 450 กิโลกรัม (กก.)ต่อไร่ เพิ่มเป็นเฉลี่ย 600 กก.ต่อไร่ ภายใน 5 ปี และจะดำเนินการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อส่งเสริมให้มีการวิจัยพัฒนาพันธุ์เพื่อนำไปสู่การแข่งขันในตลาดข้าวโลกได้ต่อไป สำหรับปี 2564 จะเป็นกรณีพิเศษจะมีการจัดประกวด 2 ครั้งคือในต้นปี และปลายปี
4.เรื่องของการแปรรูปและนวัตกรรม จะมุ่งเน้นการวิจัยและการคิดค้นนวัตกรรมจากข้าว เพื่อสนองความต้องการของตลาดเป็นหลัก ด้วยการการอำนวยความสะดวกให้กับผู้วิจัยและผู้ประกอบการที่คิดค้นนวัตกรรมจากข้าว การปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอน และการอนุมัติอนุญาตและแหล่งทุน เป็นต้น
“ จากนี้จะเร่งสรุปแผนเพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)ต่อไป เพื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป”นายจุรินทร์
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า อยากเห็นคือการลดต้นทุนการผลิตข้าวขาวของชาวนาในพื้นที่ชลประทานเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 3,000บาทต่อไร่ จากปัจจุบัน 4,500 บาทต่อไร่ ด้วยการ 1.การพัฒนาพันธุ์ข้าว 2.การลดต้นทุนหลังการเก็บเกี่ยว 3.การลงทุนระบบชลประทาน 4.การปรับพื้นที่ทางการเกษตรให้เหมาะสมกับการทำนา 5.การลดต้นทุนโลจิสติกส์
ทั้งนี้การจะทำให้ยุทธศาสตร์เกิดเป็นรูปธรรมจะต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เช่น การลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ต้องประสานกับกระทรวงคมนาคม เช่นการปรับสะพานนวลฉวีให้สามารถเปิด-ปิดได้เพื่อให้เรือที่ขนส่งข้าวเพื่อการส่งออกผ่านไปได้ ส่วนการวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวต้องทำอย่างจริงจัง เช่น ปัจจุบันเวียดนามได้งบวิจัยเฉพาะข้าวอย่างเดียวถึง 3,000ล้านบาท ขณะที่ไทยได้เพียง 200 ล้านบาท
“ส่วนการส่งออกจะเป็นที่ 1 หรือไม่ใช่ที่ 1 ไม่สำคัญ เพราะคู่แข่งของไทย ทั้งจีน อินเดีย มีพื้นที่เพาะปลูก มีผลผลิตข้าวมากกว่าไทย ส่วนไทยมีพื้นที่เพาะปลูกจำกัดเพียง 60 ล้านไร่ หากจะอยู่ในลำดับที่ 2 หรือ 3 ไม่เสียหาย ขอให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการ และราคาข้าวในประเทศไม่ตกต่ำ”
สำหรับการประชุมยุทธศาสตร์ข้าวประกอบด้วยผู้แทนจาก กระทรวงพาณิชย์ สมาคมค้าข้าวไทย สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ,สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว,สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย,สมาคมโรงสีข้าวไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง