สมาคมโรงแรมภูเก็ตผนึกซีไนน์ฯเปิดผลสำรวจหลังโควิด-19 ป่วนท่องเที่ยวภูเก็ต ชี้ 69% โรงแรมถูกชะลอ-ระงับดำเนินการ ขณะตัวเลขผู้โดยสารขาเข้าลดฮวบ ชี้อุตฯโรงแรมภูเก็ตกำลังถึงจุดแตกหัก วอนรัฐ“เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ”ก่อนแรงงานในพื้นที่ตกงาน5หมื่นคนปีนี้
นายแอนโทนี ลาร์ค ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ต กล่าวว่า สมาคมฯได้ร่วมกับซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการบริการระดับเอเชีย จัดทำรายงานผลกระทบของโรคโควิด-19 ต่อการพัฒนาโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวภูเก็ต ว่ากำลังเข้าขั้นวิกฤติ
โดย 69% ของโรงแรมในขณะนี้ถูกชะลอหรือถูกระงับ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ณ สิ้นปี2562 มีสถานประกอบการที่พักที่ได้รับใบอนุญาต1,758แห่งบนเกาะ และโครงการที่เข้ามาในปัจจุบันอยู่ที่โรงแรม58แห่ง คิดเป็นอุปทานที่เพิ่มขึ้น19% โดยมีการวางแผนห้องพักเพิ่มเติม16,476ห้อง
ประกอบกับ ข้อมูลจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.แสดงให้เห็นว่า ผู้โดยสารขาเข้ามีจำนวนลดลงถึง65%เมื่อเทียบเป็นรายปี ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.ของปีนี้ นอกจากนั้น สิ่งที่ชัดเจนคือห้องพัก86,000ห้องในสถานประกอบการที่พักที่จดทะเบียนในภูเก็ตยังดำเนินการไม่คุ้มทุน หรือแม้กระทั่งรักษากระแสเงินสดให้เป็นบวกต่อนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เท่านั้น
ดังนั้นหากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา จะสร้างความสูญเสียอย่างมาก รวมถึงจะมีการว่างงานถึง50,000ตำแหน่งในภาคโรงแรมในภูเก็ตปีนี้
ก่อนหน้านี้ ได้มีเปิดตัวโครงการการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ“ภูเก็ตโมเดล”แต่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ รวมถึงโปรแกรม Alternative Local State Quarantine (ALSQ) ซึ่งมีโรงแรมมากกว่า 60 แห่งในภูเก็ตที่ผ่านเกณฑ์ แต่เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังภูเก็ตรัฐบาลจึงต้องการการสนับสนุนเป็นวงกว้างมากขึ้นในการเดินทางของนักเดินทางระหว่างประเทศ และต้องใช้เวลายื่นเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง อาจนานหลายเดือน
นายแอนโทนี กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราการเข้าพัก (Occupancy) โรงแรมในภูเก็ตตอนนี้เป็นเลขหลักเดียว ดีมานด์การท่องเที่ยวภายในประเทศไม่มากพอที่จะสามารถป้องกันการสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้วิกฤติทางการเงินของเจ้าของและผู้ประกอบการลดลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นสมาคมฯจึงขอสนับสนุนการเปิดเมือง (Reopening)ที่ปลอดภัย ปฏิบัติได้จริง และมีกลยุทธ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประการแรก ต้องมีการเจรจาเชิงรุกระหว่างภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ประการที่สอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องพิจารณามาตรการเงินกู้ระยะสั้นเพื่อช่วยเหลือโรงแรมในการดำเนินงานเพื่อรับมือกับพายุเศรษฐกิจและรักษาตำแหน่งงานในภาคธุรกิจ เพราะหากปราศจากการปกป้องและดูแลพนักงานก็จะไม่มีการฟื้นตัวเช่นกัน
ด้านนายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส กล่าวว่า ความล้มเหลวของประเทศไทยในการเปิดตัว“ภูเก็ตโมเดล”ทำให้เกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมการบริการของภูเก็ตผลกระทบแบบโดมิโนไม่เพียงแต่กับโรงแรมและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อการพัฒนา สิ่งนี้จะก่อให้เกิดการพังทลายของงานในการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การค้าปลีก และในที่สุดก็จะปรากฏในลำดับชั้นของผู้บริโภค
“สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงเนื่องจากโรงแรมที่ดำเนินกิจการยังคงต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแผนการเปิดเมืองไม่เพียงแต่จะต้องมีการวางแผนอย่างดี แต่ต้องเอาชนะใจคนไทยให้ได้ ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในขณะที่เกาะนี้อาจถือเป็นกุญแจสำคัญของไทยในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว แต่ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการที่โรงแรมจะต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเขาในสภาพปัจจุบันจะทำได้อย่างไร”
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวในภูเก็ต เห็นว่า สถานการณ์ของโรงแรมในภูเก็ตยังคงมีการโต้เถียงกันอย่างมาก และการขาดความเห็นพ้องต้องกันในระดับชาติและระดับท้องถิ่นเกี่ยวกับโปรแกรม“Safe and Sealed” (การพักระยะยาวที่ปลอดภัย) ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างหนัก ส่งผลให้ช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงของภูเก็ตยังคงมีความท้าทายอยู่มาก