วิเคราะห์ความคิดเด็ก ถอดชนวนก่อนรอมชอมไม่ได้
วิเคราะห์ปรากฏการณ์การชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา ที่บางคนอาจตั้งแง่เชิงอคติ ทำไมเด็กถึงมีความคิดแบบนี้? ทำไมถึงกล้ากันจัง? ทำไมถึงต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมหลายสิ่งหลายอย่างแบบ 360 องศา? ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดโอกาสรอมชอมปรองดอง
อีกแค่ 1 วัน เด็กนักเรียนนักศึกษาจะจัดชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเคยจัดมา ถ้าฝ่ายตรงข้ามกับพวกเขายังมีความคิดเชิงอคติว่าอย่าไปฟังมัน มันล้มเจ้า เป็นหุ่นเชิดของกลุ่มโน้นฝ่ายนี้ อย่างงั้นก็จบกัน ตัดโอกาสรอมชอมปรองดอง สิ้นหนทางนำความคิดดีๆ มาใช้แก้ปัญหาที่หมักหมมอยู่ทุกวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่คนรุ่นเก่าหวาดกลัว เช่น เรื่องของความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่สงบ เศรษฐกิจจะยิ่งแย่ลงไป หรืออื่นๆ ก็อาจจะเกิดขึ้นจริงๆ ฟังเสียงพวกเขาบ้างเถอะครับ ไม่ใช่ว่าต้องยอมตามไปเสียทั้งหมด แต่ต้องเลือกสรรทำในสิ่งที่ถูกที่ควร ถ้าไม่คิดว่าเพื่ออนาคตของคนไทยในวันหน้า ก็คิดเสียว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเราคนร่วมสมัยด้วยกัน
เมื่อไม่นานมานี้เอง ผมยอมรับว่ารู้สึกหมดหวังกับเยาวชนรุ่นใหม่ เพราะเห็นว่าเยาวชนไทยจำนวนมากหมดหวังต่ออนาคตของพวกเขาเอง พวกเขาไม่เห็นแววของแสงสว่างที่จะส่องมาสู่ชีวิตพวกเขาภายใต้สภาพสังคมที่ฟอนเฟะและเศรษฐกิจที่ตกต่ำ พวกเขาจึงเอาแต่แว๊นท์ ไม่เสียเวลากับการเรียนหนังสือ หาเงินง่ายๆ ด้วยการขายยาขายตัว ชักจูงคนเล่นพนันออนไลน์ ใช้ชีวิตไร้ค่าไร้ความหวัง เทียบไม่ได้กับเยาวชนชาติอื่น แม้กระทั่งลูกหลานแรงงานต่างด้าวที่หลีกลี้สภาพเลวร้ายในบ้านตน มาแสวงหาโอกาสในบ้านเราที่ยังดีกว่าบ้านเขานิดหน่อย คนเหล่านี้ดูจะมีอนาคตกว่าเด็กไทยด้วยซ้ำ
แต่ผมคิดผิด เมื่อเห็นการตื่นรู้และความกล้าหาญของเยาวชนรุ่นใหม่จริงๆ ที่จู่ๆ ก็ทะลุกรอบโรงเรียนออกมาเรียกร้องนานาที่ไม่ใช่แค่สิทธิของพวกเขาเอง แต่เป็นอนาคตของประเทศที่พวกเขาต้องใช้ชีวิตต่อไป ทั้งยังทวงอนาคตให้กับคนที่แก่กว่าเขาอีกหลายรุ่นหลายกลุ่มที่ยังไงก็ต้องมีร่วมกันไปอีกนาน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ อย่าไปมองแค่ว่าเป็นเพราะพวกเด็กตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติ ล่อลวงด้วยสื่อสมัยใหม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะมีความกังขาทันทีถึงสิ่งที่พวกเรารุ่นเก่าอบร่ำพร่ำสอนเขาทั้งที่บ้านที่โรงเรียน แต่ไยไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนเหล่านั้น สื่อเหล่านั้น (ที่พวกเราก็ใช้กัน) ถ้ามองกันให้ลึกซึ้งก็จะพบว่าเยาวชนที่ออกมาติดโบว์ขาวชูสามนิ้วพวกนี้มีความพิเศษ จนทำให้พวกที่ถูกมองว่ามีผลต่อโลกทัศน์ความคิดของเขา กลับเป็นผู้ตามหรือแสวงประโยชน์จากเด็กเสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ตอนนี้ก็เห็นคนดังที่เคยเชียร์รัฐบาลจำนวนไม่น้อยออกมาเกาะกระแสเด็ก
การกล่าวหาว่าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม รู้ไม่จริงในปัญหา ไม่เข้าใจสถานการณ์ทุกวันนี้นั้นเป็นเรื่องปรามาสจนเกินไป เด็กรู้และเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีมาก อาจมากกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ เพราะเขาเจอมันอยู่ทุกวันทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน เราเองก็อาจเจอเหมือนกัน แต่ความเข้าใจของเราอาจตกผลึกตายตัวอยู่ในยุคสงครามเย็นบ้าง หลบอยู่ใต้เกราะแห่งความคุ้นชินที่คุ้มครองตัวเราหรือความคิดเราบ้าง แนวทางการแก้ปัญหาของเราก็อยู่ในกรอบเดิมๆ แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ยั่งยืน
เด็กเห็นความคิดและวิธีการของเราก็ส่ายหัว ในโรงเรียน พวกเขาพบเห็นความไม่ชอบมาพากลสารพัด ทั้งการบูลลี่ การลวนลาม และการใช้อำนาจเกินขอบเขต ขณะที่ผู้ใหญ่นอกสถาบันมองเห็นแต่ภาพงามของการที่เด็กต้องเคารพผู้ใหญ่ ต้องรักษาแถวแห่งระเบียบวินัย นอกโรงเรียน พวกเด็กพบเห็นการทุจริตคอร์รัปชั่น การคุกคามละเมิดสิทธิ ความอยุติธรรมโจ๋งครึ่ม ขณะที่ผู้ใหญ่มองเห็นแต่ความจำเป็นของความสงบ บอกให้เด็กหยวนๆกันไป อย่าไปยุ่งมุ่งแต่เรียนเถอะ แต่เยาวชนรุ่นนี้ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
ทำไมเด็กถึงมีความคิดแบบนี้ได้เล่า ทำไมถึงกล้ากันจัง ทำไมถึงต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมหลายสิ่งหลายอย่างแบบ 360 องศา โลกอินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มสื่อสารทันสมัยเป็นเพียงเครื่องมือกระจายความเข้าใจร่วมให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เนื้อหาข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้น เรียกอ่านซ้ำเมื่อใดก็ได้และไม่มีทางลบเลือนเหมือนอดีตต่างหากที่ส่งผลทางความคิดให้แก่พวกเขา
เฟคนิวส์นั้นมีจริง แต่ถ้าปราศจากเหตุผลพิสูจน์ตรวจทาน ข้อมูลปลอมก็จะค่อยๆ ถูกคัดตก ไม่สามารถต่อยอดความคิดนานไป หนทางอันทรงประสิทธิภาพที่สุดที่จะสกัดดั้นการแพร่กระจายความคิดที่เราผู้ใหญ่คิดว่าไม่ถูกต้องแก่เด็กนั้นไม่ใช่การปิดกั้นความคิดเด็ก แต่เป็นเราเองต้องทำตัวอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม และช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดไปแล้วขึ้นอย่างเต็มความสามารถไม่ใช่ซุกไว้ใต้พรม
เข้าใจครับว่าสิ่งที่เด็กเรียกร้องหลายอย่างเป็นเรื่องหมิ่นเหม่ ทำไม่ได้ในเวลาอันใกล้ และอาจสร้างปัญหาเชิงซ้อนต่อเนื่องไปจนยุ่งกว่านี้ แต่ยังมีข้อเรียกร้องอีกเป็นจำนวนมากที่ตอบโจทย์สังคม เป็นกุญแจไขความคับข้องได้ ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องคิดแบบโลกนี้มีแค่สองสีว่าต้องรับหรือไม่รับข้อเรียกร้องของเด็กทั้งหมด อันไหนรับได้ก็ต้องหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง อันไหนยังไม่ได้ก็วางแผนแก้ไขในระยะยาว หรือถ้าไม่สามารถทำใจได้ก็ปล่อยไป เพราะถึงอย่างไรอนาคตก็เป็นของเด็กรุ่นนี้ที่ต้องโตขึ้นไปแก้ไขเองอยู่แล้ว ความจริงใจของผู้ใหญ่ที่จะไม่เป็นปฏิปักษ์กับเด็กนั้นจึงจะเป็นยาชันที่นำไปสู่การรอมชอมต่อไป