นอกจากประเทศไทยแล้ว “เวียดนาม” ถือเป็นอีกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีและมีระยะเวลาล็อกดาวน์เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น
ส่งผลให้เวียดนามฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็ว สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (General Statistics Office of Vietnam) คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี2563 อยู่ที่ 3.6% ชะลอตัวลงจากปีก่อน ที่ 7 % ...แต่ “เวียดนาม” ยังนับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้
“เวียดนาม” ยังคงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทางตรง ( FDI) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากผู้ลงทุนรายใหญ่ 3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และจีน
นอกจากนี้ การค้าระหว่างประเทศของเวียดนามก็นับว่าประคองตัวได้ดี โดยสินค้าส่งออกที่เติบโตดี เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม ตลาดส่งออกรายใหญ่ 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐ จีนและยุโรป
ขณะที่ “ตลาดหุ้นเวียดนาม” ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าลงทุนเนื่องด้วยระดับ P/E ที่ 14 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ณ 31 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ ผลตอบแทน VN30 (YTD) อยู่ที่ -2.16 % ปรับตัวลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบตลาดอื่นๆในภูมิภาค
ทั้งนี้ ดัชนี VN30 ยังประกอบไปด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมถึง 11 กลุ่ม ทำให้สามารถกระจายการลงทุนได้มาก
สำหรับ “กองทุนหุ้นเวียดนาม” ที่ยังสามารถทำผลตอบแทนในระดับ “ดีมาก” และ “สูงกว่า” ค่าเฉลี่ยในกลุ่ม คือกองทุน Principal Vietnam Equity Fund หรือ PRINCIPAL VNEQ เมื่อพิจารณาผลตอบแทน ณ 17 ก.ย. 2563 ผลตอบแทนจนถึงปัจจุบัน (YTD) อยู่ที่ -1.36% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 6.25% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 19.79% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -8.08% และผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 6.02% ต่อปี
เทียบกับกองทุนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันซึ่งมีผลตอบแทนเฉลี่ย 3เดือน อยู่ที่ 4.93% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 18.61% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -10.01%
จุดเด่นของกองทุนPRINCIPAL VNEQ คือ กลยุทธ์การเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวแบบ Bottom-upโดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่และกลางที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โตเร็ว มีสภาพคล่องที่เพียงพอและมีระดับมูลค่าที่เหมาะสมทั้งในและนอกดัชนีอ้างอิง
นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนยังได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง และมีการกำหนดสัดส่วนการถือครองหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่งให้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงเฉพาะตัวของธุรกิจด้วย
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
สำหรับสัดส่วนการลงทุน 5 อันดับแรก (ณ 31 ก.ค. 2563 ) ได้แก่ VIETNAM DAIRY PRODUCTS JSC 9.85%, VINHOMES JSC 7.34%, HOA PHAT GROUP JSC 7.02%, VINCOM RETAIL JOINT STOCK COMPANY 6.42% และ Housing Development Bank 6.39%
กองทุนPRINCIPAL VNEQ เหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนในหุ้นต่างประเทศมาก่อน และต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นเวียดนาม รวมถึงยอมรับความเสี่ยงได้สูง เนื่องจากกองทุนนี้ยังมีความเสี่ยงสำคัญที่ต้องระมัดระวังคือเรื่องของสภาพคล่องของหุ้นเวียดนาม รวมถึงการกระจุกตัวของการลงทุนเฉพาะในเวียดนามเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของราคาหุ้น
สำหรับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจริงจากกองทุนPRINCIPAL VNEQ เแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 2.31% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน 1.50 % ต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นต่างประเทศอีกหลายๆ กองทุน
หากส่องเทรนด์ลงทุนครึ่งปีหลังนี้ กองทุนPRINCIPAL VNEQ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ จากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ค่อนข้าง ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว แต่การเข้าลงทุนก็คงไม่ถึงกับต้องรีบร้อนเพียงแค่ “รอจังหวะทยอยเก็บเมื่อตลาดปรับลดลง” เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนามที่อาจจะเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ