‘ครัวไทยโบราณ’ แต้มสวยสาวสายกิน

ชีวิตเคยเริ่มต้นจากติดลบของ LGBT(Lesbian,Gay, Bisexual, Transgender)ผู้มีหัวใจนักสู้ แบงค์-อนันตชิน มูสิกา อดีตเด็กวัยมัธยมต้องออกจากโรงเรียนหลังจบม.3 เมื่อครอบครัวต้องเจอมรสุมเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ติดหนี้จนมีปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน เหลือเพียงเขาที่ต้องเป็นเสาหลัก จำต้องขึ้นรถไฟจากจังหวัดปัตตานีมาทำงานในเมืองกรุง ส่งเงินให้น้องสาวได้เรียนหนังสือจนจบ โดยที่แม่ไม่ต้องลำบากทำงานเพียงลำพัง

“วันแรกที่มาถึงกรุงเทพฯ มีเงินติดตัวมา 400 บาท เงินหมด ไม่มีข้าวกิน ต้องรับจ้างล้างจานในร้านอาหารแลกข้าว ระหว่างหางานทำ” แบงก์เปิดฉากเล่าตำนานชีวิตยุคหิ้วกระเป๋าเข้ากรุงตั้งแต่อายุ 16-17 ปี  กับเรื่องราวที่สุดแสนจะดราม่าที่มีอยู่จริง กับการเริ่มต้นหาอาชีพเลี้ยงตัว และจุนเจือครอบครัว

จุดพลิกที่เขาได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่เส้นทางความสวยงาม เป็นช่างแต่งหน้า(Make Up Artist) มีโอกาสสั่งสมประสบการณ์แต่งหน้าในเคาท์เตอร์แบรนด์ดัง เป็นมืออาชีพในเส้นทางการแปลงโฉมให้หญิงสาวให้มีความมั่นใจในตัวเอง เห็นคุณค่าตัวเอง จนมีชื่อเสียงฝีมือขจรขจาย ได้แต่งหน้าโชว์ในงานอีเวนท์ หรือคนในหลากหลายวงการ ทั้งการเมือง ศิลปิน ดารา นักการเมือง และเจ้าสาว ในวันสำคัญมานับไม่ถ้วน รวมถึงการเคยเป็นเทรนเนอร์สอนช่างแต่งหน้ารุ่นน้องชื่อดังในวงการบันเทิงในปัจจุบัน

กว่า 20 ปีของการนั่งวาดคิ้ว สะบัดแปรง แต่งแต้มความสวยบนใบหน้าให้คนดูดี แม้จะเป็นงานที่รัก เพราะเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะ ความสวยงาม ใช้ความประณีตจนขึ้นเป็นระดับซีเนียร์ แต่ท้ายที่สุดก็ยังเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง จึงอยากเติมความฝันขยับมาเป็นเจ้าของกิจการ

จุดเปลี่ยนทำให้เขานำเงินเก็บออกมาปั้นธุรกิจตามความฝัน เปิดร้านเมคอัพสตูดิโอ รับแต่งหน้า กันคิ้ว ที่ยูเนี่ยน มอลล์ ร้านกำลังเติบโตไปได้ด้วยดี มีลูกค้าประจำแวะเวียนมาเติมสวยระดับพีคสูงสุดหลัก200 คนต่อวัน เพราะเน้นราคาถูกจับกลุ่มแมส คนทั่วไปสามารถเข้าถึงความสวยโดยช่างแต่งหน้ามืออาชีพ

ปักธงเปิดร้านรับแต่งหน้ากว่า 9 ปี มีการเติบโต ฐานลูกค้าขยาย เพราะราคามิตรภาพ แต่เมื่อต้องเจอมรสุมพิษโควิดเล่นงาน ต้องปิดร้านนานกกว่า 3 เดือน โดยที่เจ้าของห้างไม่ลดค่าเช่าเมื่อมาเปิดอีกครั้งท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว จึงคิดว่าไม่คุ้มกับค่าเช่าที่จ่ายไป

ด้วยความเป็นคนไม่หยุดนิ่ง เรียนรู้ ทดลองและทำสิ่งใหม่ตลอด ช่วงกักตัวปิดร้านจากพิษโควิดกว่า 3 เดือน ใช้เสน่ห์ปลายจวักที่แม่และยายเคยสอนตำรากับข้าวครัวใต้ จึงค่อยๆ ปล่อยอาหารสูตรเด็ด “ปลาสมัน” หรือชื่อที่คนในปัตตานีคุ้นเคยคือซามา (สมัน) อีแก (ปลา) สูตรปลาสมุนไพร ขายทางออนไลน์และเครือข่ายลูกค้าแต่งหน้าประจำ จึงเกิดแรงบันดาลใจ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง การออกมาเปิดธุรกิจร้านอาหาร คู่กับสตูดิโอแต่งหน้า แบบสแตนอโลน "ครัวไทยโบราณ By อนันตชิน"

การปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยอม “ทุบกระปุก” กว่า 3 แสนบาท เพื่อเนรมิตรบ้านเช่า ในซอยพหลโยธิน หลังโรงพยาบาลเปาโล หรือ อินทามระ ซอย 1 เป็นร้านอาหาร และ สตูดิโอแต่งหน้า เพราะราคาค่าเช่าถูกกว่าที่เดิมถึงครึ่งหนึ่ง ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ต้องประหยัดต้นทุน

“ที่ตัดสินใจย้ายมาตั้งร้านเดี่ยว สแตนอโลน เพราะราคาค่าเช่าถูกกว่าครึ่ง และสามารถทำราคาแต่งหน้าแบบมิตรภาพได้เริ่มต้น 600-700 บาทต่อครั้ง ข้อเสียไม่มีทราฟฟิก คนเดินเข้าหนาแน่นเหมือนห้าง แต่เขาเน้นการหาลูกค้าจากการทำการตลาดทางออนไลน์ และปากต่อปาก แม้จะเริ่มต้นยังเงียบ แต่เมื่อมีลูกค้าประจำรู้จักแล้ว ฐานลูกค้าจะเพิ่มจำนวนกว้างและแน่นขึ้น”

ธุรกิจใหม่ที่เปิดตัวถือเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ จับสตูดิโอแต่งหน้ากับร้านอาหารมามัดรวมกัน เพราะต้องการเป็นจุดรวมเสน่ห์เสริมคุณค่า สร้างความมั่นใจให้กับหญิงสาวที่ต้องการมีวิชาความเป็นแม่ศรีเรือนติดตัว มีบริการตั้งแต่ สอนแต่งหน้าและทำอาหาร และงานจัดดอกไม้ รวมถึงการเปิดรับลูกค้าที่จะมาแต่งหน้า ทานอาหาร เริ่มต้นขายคอร์สให้กับผู้ที่สนใจเรียนแต่งหน้าพื้นฐานราคา 999 บาท เรียนทั้งวัน ทั้งแต่งหน้า ทำอาหาร รวมอาหารและเครื่องดื่มมื้อเที่ยง จัดเฉพาะช่วงเสาร์-อาทิตย์ ไม่เกิน 10 คนต่อคลาส รองรับคนทำงานที่มีงานประจำ

"ต้องการเปิดร้านให้เป็นพื้นที่ถ่ายทอดวิชาที่สั่งสมมากกว่า 20 ปี ทั้งวิชาในครัวจากแม่และยาย รวมถึงวิชาแต่งหน้า ซึ่งผูกพันมานาน อยากถ่ายทอดให้คน จึงคิดราคาถูกๆ ให้พออยู่ได้"

ด้วยความที่ เขาทำงานด้านการบริการแต่งหน้าให้กับผู้หญิงมายาวนานกว่า 20 ปี มีทั้งน้องสาว และอยู่กับแม่และยาย จึงเข้าใจความต้องการส่วนลึก (Insight) ของหญิงสาว ที่แม้จะมีอัตราการเป็นโสดเพิ่มขึ้น เพราะมุ่งเน้นประสบความสำเร็จทางหน้าที่การงานเป็นหลัก แต่ผู้หญิงทุกคนอยากมีความงาม มีเสน่ห์ด้านรูปลักษณ์ภายนอก เสริมความมั่นใจ ผลักดันให้ชีวิตมีคุณค่า จึงทำทุกอย่างให้ตัวเองดูดี ไม่ว่าจะยอมเข้าฟิสเนส ศัลยกรรม และ เติมความรู้ผ่านการอบรมคอร์ศต่างๆ และที่สำคัญผู้หญิงชอบรวมตัวตระเวนกินอาหาร 

“ผู้หญิงทุกคนอยากมีความภูมิใจให้กับตัวเอง มักคิดว่าตัวเองมีปมด้อย การเรียนรู้การแต่งหน้าจึงเป็นการทำให้ปมด้อยกลายเป็นจุดเด่น โดยเฉพาะคิ้ว มงกุฎของใบหน้า แค่เพียงจัดรูปให้ดูดี ก็ดึงจุดเด่นของผู้หญิงให้ดูดีขึ้นมาได้ทันที นี่คือสิ่งที่ทางร้านต้องการถ่ายทอดให้กับลูกค้า พร้อมอาหารอร่อย เรื่องสำคัญของสาวๆ ”

ที่สำคัญ ร้านครัวไทยโบราณ แตกต่างร้านอาหารทั่วไปตรงเมนูธรรมดาบ้านๆ ประจำครัวคนปัตตานี ที่หาทานได้ยากในราคาย่อมเยา อาทิ หมูชิ้น ผัดพริกแกงถั่ว, ไก่ทอดเทพา ,แกงเหลืองกุ้งยอดมะพร้าวอ่อน , แกงเหลืองปลาทูสด ,ไข่พะโล้โบราณ คั่วกลิ้งหมูชิ้น , ผัดหมี่กะทิ ,ยำน้ำบูดูกุ้งสุก เป็นต้น ยังมีเมนูเครื่องดื่มคิดสูตรใหม่หวังให้เป็นลายเซ็น(Signature) ของร้าน คือ ชาซีลอนมะนาวมาในรูปวุ้นน้ำแข็ง

อนาคตเมื่อธุรกิจเริ่มมีลูกค้าฐานแน่นขึ้น ทั้งร้านอาหาร และทางออนไลน์ เขาจะขยับไปสู่การขายแฟรนไชส์ สร้างรายได้ประจำเข้ามาต่อเนื่อง (Passive Income)

ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ แต่อนันตชิน ยังอยู่รอดได้ แม้ต้องปิดร้าน เพราะช่วงที่ธุรกิจเติบโตมีการบริหารความเสี่ยง มีวินัยจัดระบบทางการเงินเก็บกำไรรองรับความเสี่ยงหากเจอวิกฤติ ไม่พึ่งพารายได้ทางใดทางหนึ่ง จึงเป็นโจทย์ที่ทำให้ปัจจุบันแตกไลน์ธุรกิจหลากหลาย

ที่สำคัญที่สุด แม้เขาจะเป็น LGBT ที่เติบโตมากับยุคที่สังคมรอบข้างและครอบครัวไม่ยอมรับ แต่เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เพศสภาพไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเส้นทางความสำเร็จ ที่สำคัญตัวตนที่เขาเป็น ยังถือเป็นความสามารถทักษะเฉพาะจากความละเอียดอ่อนเหมือนผู้หญิง และความแข็งแกร่งต่อสู้ อดทน อย่างชายได้หลอมรวมในตัว ได้พาให้เขานำเส้นทางชีวิตให้ประสบความสำเร็จมีสินทรัพย์คอนโดมิเนียมและบ้าน 5 แห่ง รถยนต์ 2 คัน ตลอดจนธุรกิจใหม่

“อดีตจากชีวิตติดลบ และสังคมไม่ยอมรับ ทำให้ต้องมีวินัย อดทน ขยันและเรียนรู้ จนกว่าคนทั่วไปจนพิสูจน์ตัวเอง กระทั่งมีวันนี้ นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เปิดธุรกิจจับตลาดกลางถึงล่าง เพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงการบริการที่ดีได้”

............

สูตรสร้างธุรกิจจากชีวิตติดลบ

-วินัย อดทน เรียนรู้

-พัฒนาธุรกิจจากทักษะสั่งสมยาวนาน

-สะสมฐานลูกค้าเก่ารองรับความเปลี่ยนแปลง

-รู้ใจ(Insight) ผู้หญิงยุคใหม่

-รายได้หลายด้าน ทั้งบริการแต่งหน้าและสอนแต่งหน้า