‘เอ็น.ซีฯ’ผุด2โครงการมิกซ์โปรดักท์ ลำลูกกา-รังสิต ชิงกำลังซื้อไฮซีซั่น
“เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง” พลิกเกมผุดมิกซ์โปรดักท์ 2 โครงการ โซนลำลูกกาคลอง 6,รังสิต พร้อมโครงการบ้านแฝดพัทยา หวังชิงกำลังซื้อคู่แข่งปลายปี ระบุปีนี้ตลาดแนวราบบูม สวนกระแสคอนโด
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ เริ่มจาก 1.โครงการมิกซ์โปรดักท์ ที่มีบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ในพื้นที่ของบ้านฟ้าปิยรมย์ นอร์เดิร์น ทางด่วนวงแหวน-ลำลูกกาคลอง 6 จำนวน 318 ยูนิต
2.โครงการบ้านแฝดจำนวน 78 ยูนิต ในพัทยา ราคากว่า 3 ล้านบาท รองรับกลุ่มคนทำงานในจังหวัดชลบุรีที่ต้องการขยายครอบครัว และ 3. โครงการมิกซ์โปรดักท์ ที่มีบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ในโซนรังสิต จำนวน 400 ยูนิต รวม 3 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวโครงการช่วงเดือนพ.ย.นี้ เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งได้เตรียมโปรโมชั่น กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
“เหตุผลที่เปิดตัวโครงการมิกซ์โปรดักท์ เพราะเป็นโครงการที่ครอบคลุม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่มตามกำลังซื้อและ เหมาะกับสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว เพราะเป็นการลดความเสี่ยงในลงทุน สามารถคุมต้นทุน สต็อกง่าย เพราะสร้างเสร็จก็โอนทันที ทำให้มีรายได้หมุนกลับมาเร็ว”
ส่วน 2 โครงการที่เหลือตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีนั้น ยังรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะสามารถเปิดตัวได้หรือไม่ในปลายปีนี้ หากทุกอย่างดีขึ้น ก็จะสามารถเปิดได้ เพราะเตรียมแผนไว้แล้วแต่ถ้าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจะเลื่อนไปเปิดต้นปี 2564 โดยคาดว่า ปีนี้บริษัทสามารถทำยอดขาย 2,700 ล้านบาท และรายได้ 1,600 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี และมีความเป็นไปได้ที่ยอดขายและรายได้อาจเพิ่มกว่าเป้าหมายที่วางไว้
นายสมนึก ยังกล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เป็นช่วงหน้าฝนแค่ประคองตัวหลังจากไตรมาสสองที่อสังหาฯภาพรวมกระทบหนักโดยเฉพาะแนวสูง(คอนโดมิเนียม) สวนทางกับแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์) ยังพอไปได้โดยสามารถรักษากำลังซื้อจากกลุ่มเรียลดีมานด์ที่เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้ออสังหาฯตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยหันมาซื้อแนวราบมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดแนวราบในไตรมาสี่ดีขึ้น
เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นภาครัฐ สภาพการแข่งขันในตลาดที่ใช้กลยุทธ์ราคาเข้ามากระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ส่งผลให้สถานการณ์การแข่งขันแรงขึ้น เพราะมีโปรโมชั่นออกมากันแทบทุกค่ายทั้งการให้ส่วนลด ของแถม ถือเป็นการกระตุ้นบรรยากาศตลาดให้ดีขึ้นส่งผลดีทั้งธุรกิจและภาพรวมของตลาดด้วย
นายสมนึก ยังกล่าวว่า กลุ่มสินค้าแนวราบที่มีการเติบโตมากสุดคือ ทาวน์เฮ้าส์ ส่วนหนึ่งเกิดจากกลุ่มคนซื้อคอนโดหันมาซื้อทาวน์เฮ้าส์แทนจึงเป็นสินค้าที่ลูกค้าให้ความสนใจมากหลังเกิดโควิด-19 รวมทั้งบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว ซึ่งระดับราคาที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือทาว์นเฮ้าส์ ตั้งแต่ 2-3 ล้านบาท ส่วนระดับราคา 1-2 ล้านบาทหายากขึ้น พราะต้นทุนวัตถุดิบสูง ส่วนบ้านแฝดมีตั้งแต่ 3-5 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวราคาตั้งแต่ 4 -8 ล้านบาท แต่ถ้าเกิน 7-8 ล้านบาทจะขายดีแค่บางบริษัท
สำหรับยอดขายในครึ่งปีแรกปีนี้ บริษัททำไปได้แล้ว 1,900 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้1,200 ล้านบาท เนื่องจากตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับแผน ด้วยการปรับพอร์ตสินค้าใหม่ ทำการตลาดออนไลน์ จัดโปรโมชั่น กระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาดูบ้านได้ทำให้มีการตอบรับจากลูกค้าต่อเนื่องมาทุกเดือนตั้งแต่เดือน มี.ค.
“ส่วนหนึ่งเกิดจากแนวทางการทำตลาดและอีกส่วนมาจากสินค้าที่ล้อนช์ได้รับการตอบรับจากตลาด เช่น ทาวน์เฮ้าส์ ที่ลูกค้าสามารถมีพื้นที่เพิ่มขึ้น สามารถใช้พื้นที่ในการตอบสนองการใช้ชีวิตได้มากขึ้น จึงตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่กำลังตัดสินซื้อที่อยู่อาศัยหันมาซื้อทาวน์เฮ้าส์แทนที่จะซื้อคอนโด หรือ เป็นการซื้อทาวน์เฮ้าส์เพิ่ม ในราคา2-3 ล้านบาท บ้านแฝดที่อยู่โซนตะวันตก บ้านแฝดที่อยู่โซนเหนือได้รับการตอบรับที่ดี ราคา 3-5 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่คุ้มค่าและ มีมาตรฐาน ตอบสนองกับกำลังซื้อผู้บริโภคท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งมีนวัตกรรมต่างๆเข้ามาให้บริการแก่ลูกค้า"