'Fitch' คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+
"Fitch Ratings" (ฟิทช์ เรทติ้งส์) คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทยที่ BBB+ ผลจากสถานะการคลังและการเงินต่างประเทศอยู่ในระดับแข็งแกร่ง คาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 3.8%
ฟิทช์ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Credit Rating) ที่ BBB+ และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เนื่องจากประเทศไทยมีความเข้มแข็งภาคการคลังและภาคการเงินต่างประเทศอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีส่วนช่วยรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง (Shock) และความผันผวนของวิกฤติเศรษฐกิจ รวมทั้งสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความแข็งแกร่ง เป็นผลจากการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบและเป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อรักษาวินัยทางการคลัง ทั้งนี้ การขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายการคลังจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ฟิทช์เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวและเติบโตในระยะปานกลางได้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะฟื้นตัวขึ้น 3.8% เป็นผลจากการดำเนินมาตรการทางการคลังของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้แล้ว สร้างความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการใช้จ่ายของภาครัฐในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศมีความเปราะบางได้
นอกจากนี้ ฟิทช์ระบุว่า ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ของไทย ยังคงมีความเข้มแข็ง โดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง
ส่วนประเด็นที่ฟิทช์ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐและการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะปานกลาง