‘IHG-ออนิกซ์’ ลุยขยายโรงแรม ดักท่องเที่ยวไทยบูมหลังโควิด
แม้วิกฤติโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง หลายสำนักเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาอีก 2 ปีกว่าจะฟื้นตัว
แต่เชนรับบริหารโรงแรมระดับนานาชาติทั้งสัญชาติไทยและต่างประเทศต่างเดินหน้าแผนขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมในประเทศไทย ด้วยมองการณ์ไกลเห็นศักยภาพของภาคท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งหลังวิกฤติโรคระบาดผ่านพ้น
เซเรน่า ลิม รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี เล่าว่า กลุ่มไอเอชจีได้ประกาศลงนามข้อตกลงการบริหารจัดการโรงแรมร่วมกับ เค ดับบลิว กรุ๊ป ในการนำแบรนด์ฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส สู่หาดกะตะ จ.ภูเก็ต
สำหรับโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ภูเก็ต กะตะ บีช มีจำนวนห้องพัก 134 ห้อง พร้อมรองรับลูกค้าด้วยห้องอาหาร ห้องประชุมสัมมนา และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสระว่ายน้ำและยิม และโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส แอนด์ สวีท ภูเก็ต กะตะ บีช มีจำนวน 135 ห้องพัก มาพร้อมห้องอาหาร Great Room อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
โดยทั้ง 2 แห่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2565 จะเป็นส่วนเติมเต็มอันโดดเด่นให้กับโครงการเดอะ บีช พลาซ่า ภูเก็ต โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดของหาดกะตะ ตั้งอยู่ห่างจากชายหาดเพียง 5 นาที ถือเป็นโครงการตัวอย่างตามวิสัยทัศน์ใหม่ของรัฐบาลที่ได้แต่งตั้งภูเก็ตเป็นเมืองผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการพำนักแบบระยะยาวแห่งภูมิภาคเอเชีย
และเมื่อเจาะเฉพาะโรงแรมในกลุ่มไอเอชจีที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ในประเทศไทย พบว่าปัจจุบันมี 19 แห่ง โดยมีอีก 16 โครงการที่จะเปิดตัวในอีก 3–5 ปีข้างหน้า
เซเรน่า เล่าด้วยว่า ขณะที่ภาพรวมแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มไอเอชจี ยังคงเดินตามแผนงานที่จะเพิ่มจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นโครงการหลักของกลุ่มฯเป็นจำนวน 2 เท่าทั่วประเทศไทยภายใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันกลุ่มไอเอชจีมีโรงแรม 31 แห่งที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ต่างๆ 7 แบรนด์ในประเทศไทย ได้แก่ Six Senses, InterContinental, Crowne Plaza, Hotel Indigo, Holiday Inn, Holiday Inn Express, และ Staybridge Suites โดยมีอีก 29 โครงการที่จะเปิดตัวในอนาคต ซึ่งรวมถึงแบรนด์ Kimpton และ voco ที่จะเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกด้วย
ก่อนหน้านี้กลุ่มไอเอชจีได้ประกาศลงนามในข้อตกลงการบริหารจัดการโรงแรมกับบริษัท สุขุมวิท เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด เพื่อพัฒนาโรงแรมแกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ ด้วยการปรับโฉมห้องพักทั้ง 386 ห้อง และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท ภายในปลายปี 2564
โดยนอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนดีไซน์และการตกแต่งแล้ว โรงแรมยังมีแผนการเพิ่มจำนวนห้องพักเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 ซึ่งจะทำให้โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท เป็นโรงแรมในเครือคราวน์ พลาซ่า ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นโรงแรมระดับเรือธง (แฟลกชิพ) ของกลุ่มไอเอชจี
ด้านดักลาส มาร์เทล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ธุรกิจเชนโรงแรมในกลุ่มบริษัทอิตัลไทย กล่าวว่า ออนิกซ์ได้ร่วมลงนามในสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องกับบริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย เพื่อรับบริหารโครงการใหม่ 3 แห่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของประเทศไทย การร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเปิดให้บริการยู บีชคลับแห่งแรกของโลก ที่หาดนาจอมเทียน ยูทูแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และชามา ฮับแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หาดวงศ์อมาตย์
“บริษัท รัตนากรฯได้มอบหมายให้ออนิกซ์เป็นผู้บริหารจัดการโครงการแห่งใหม่ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อบริหารจัดการบีชคลับและโรงแรมดังกล่าวที่มีการลงนามร่วมกันเมื่อไม่นานมานี้”
ทั้งนี้ ยู บีช คลับ และยูทู จะได้รับการออกแบบโดยยู สตูดิโอ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยจะเป็นแบรนด์บีชคลับ และโรงแรมภายใต้เครือ ยู โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจด้านการบริการของ ยู กรุ๊ป บริษัทที่เน้นการออกแบบตกแต่งระดับโลก
ยู บีชคลับ ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์เพื่อเป็นหนึ่งในบีชคลับอันดับต้นๆ ของโลก จะเป็นบีชคลับแห่งแรกของโลกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นริมชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของเมืองพัทยา ติดกับโรงแรมอมารี จอมเทียน พัทยา ที่ให้บริการห้องพักทั้งหมด 400 ห้อง ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ยู บีชคลับและอมารี จอมเทียน พัทยา จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูสริมทะเลที่ประกอบไปด้วยศูนย์การค้าและพื้นที่จัดกิจกรรม มีกำหนดเปิดให้บริการกลางปี 2567
ส่วนยูทู และชามา ฮับ จะได้รับการพัฒนาเป็นสองโรงแรมแบรนด์คู่ (Dual-branded) ตั้งอยู่ในอาคารเดียวกัน ริมหาดวงศ์อมาตย์ โดยยูทู พัทยา จะได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วยห้องพัก 100 ห้อง ที่นำเอาอิทธิพลจากท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบตกแต่งภายในล็อบบี้ โดยจัดแสดงดนตรีจากดีเจประจำพัทยา และผลงานศิลปะจากศิลปินชาวพัทยา มุ่งเป้ามอบประสบการณ์เข้าพักที่เป็นเอกลักษณ์
ขณะที่ชามา ฮับ พัทยา เป็นโรงแรมที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ประกอบด้วยห้องพัก 250 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ ล็อบบี้ที่ให้บริการโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ และห้องพักแบบอพาร์ทเมนต์ที่แขกผู้เข้าพักสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ในห้องพักให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทั้ง 2 โรงแรมมีกำหนดเปิดให้บริการกลางปี 2567 เช่นกัน