ชอปปิงมอลล์แห่ยกเครื่อง! พลิกปั้นแม่เหล็กใหม่ชิงลูกค้า
ช่วงวิกฤติโควิดทำให้ห้างร้านค้าปลีก ศูนย์การค้า ต้องปิดบริการชั่วคราว แม้ผ่านพ้นช่วง “ล็อกดาวน์” แต่อัตราการเข้าใช้บริการของลูกค้ายังไม่เป็นปกติ โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเป้าหมายหลักนั้นตลาดวูบหาย!
ผู้ประกอบการต่างประเมินว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปีกว่าสภาวะตลาดจะฟื้นตัวจากวิกฤติโควิดกลับมาเทียบเท่าปกติ จึงเป็นจังหวะที่ดีของปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพื้นที่ขาย หรือสินค้า บริการ ประสบการณ์ ให้ตอบโจทย์และตอบรับสถานการณ์ ดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด!
จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีนวัตกรรม IoTs (Internet of Things) และ AI ทั้งทีวี เครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและในครัว ตู้เย็น เครื่องซักผ้า สมาร์ทโฟน เกมส์ และแกดเจ็ต ฯลฯ ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น IoTs และดีไซน์ล้ำสมัย เป็นเทรนด์นิยมที่กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ (New Gen Lifestyle) มากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยี 5G ที่พร้อมให้ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้ จะช่วยส่งเสริมฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ผู้ใช้งานจัดการและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ผ่านเครือข่ายไร้สาย อาทิ การเปิด-ปิดไฟ คำสั่งในการควบคุมฟังก์ชั่น ระบบความปลอดภัย
เพาเวอร์มอลล์ จึงมุ่งนำเสนอสินค้ากลุ่มนี้ต่อกลุ่มเป้าหมายยุคใหม่ พร้อมให้เข้าถึงการใช้งานแบบ IoTs มากขึ้น ด้วยการปรับลดราคา และโปรโมชั่น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย ในราคาที่คุ้มค่า และจับต้องได้
พร้อมกันนี้ เดอะมอลล์ได้ใช้งบกว่า 300 ล้านบาท พลิกโฉม เพาเวอร์มอลล์ ดิ อัลทิเมท (POWER MALL THE ULTIMATE) พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ และ เพาเวอร์มอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน เป็นต้นแบบอาณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมียม!
เพาเวอร์มอลล์ ดิ อัลทิเมท พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ สาขาใหญ่ใจกลางเมืองพื้นที่ 5,200 ตร.ม. มีไฮไลท์ “แอปเปิ้ล ช็อป” ขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โซนทีวี ท็อปไอเท็มจากทุกแบรนด์กับความคมชัดระดับ 8K ขนาดกว่า 100 นิ้ว เพาเวอร์มอลล์ เกมสแควร์ รวบรวมพีซีเกมมิ่งและคอนโซลเกมมิ่ง เป็นเดสทิเนชั่นใจกลางเมือง แฟลกชิพแบรนด์คอเนอร์ต่างๆ และพื้นที่ไฮไลท์สำหรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพาเวอร์มอลล์เฟิร์ส (POWER MALL FIRST) นำเสนอสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย
ทางด้าน "เพาเวอร์มอลล์ ไลฟ์สโตร์" งามวงศ์วาน มุ่งขยายฐานลูกค้าฝั่งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ เน้นเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ระดับโลก อาทิ กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (Home Appliances) คอนเซปต์ “New Lifestyle Home Appliance Display” แห่งแรกในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กับ “สมาร์ทโฮม” คอนเซปต์จากแบรนด์ต่างๆ
กลุ่มสินค้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมียมมาตรฐานยุโรปเจาะไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วย โมเดิร์นคิทเช่นแอพพลิแอนซ์โซน สินค้าสำหรับใช้ในครัวจากแบรนด์อิเล็กโทรลักซ์ โดลเช่กาบานา ซีเม็ก วีรสุ กลุ่มสินค้าคอมมูนิเคชั่นจากกลุ่มสมาร์ทโฟน สินค้ากลุ่มไอที และเกมมิ่ง จากแบรนด์ระดับโลก รวมทั้งเกมมิ่งโซน สมาร์ท ออดิโอโซน แกดเจ็ต สมาร์ท วอท์ช ฯลฯ
“คนรักการทำอาหารมากขึ้น อยู่บ้านมากขึ้น ต้องการเครื่องมือทันสมัยในการประกอบอาหาร ทำให้เทรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มสมาร์ทคิทเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมาแรง”
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันภาวการณ์ของตลาด และรูปแบบการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงเวลาโดยเฉพาะแนวโน้ม “การซื้อที่อยู่อาศัย” เป็นตัวแปรในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า จากยุคก่อนหน้านี้กระแสนิยมคอนโดมิเนียมมาแรง ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมีสูง ปัจจุบันเทรนด์พัฒนาบ้านจัดสรรหลังใหญ่น้อยลง เน้น “ทาวน์โฮม” ขนาด 40-50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร มากขึ้น มีการตกแต่งทันสมัย แยกครัวฝรั่ง ครัวไทย หรือดีไซน์ให้บริเวณครัวอยู่ด้านหน้าเพื่อโชว์มากขึ้น ทำให้กลุ่มสมาร์ทคิทเช่นเป็นดาวรุ่ง เช่นเดียวกับทีวีจอใหญ่ 100 นิ้ว และเทคโนโลยี 8K
ขณะที่ศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่โซนกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ “ฟิวเจอร์พาร์ค” ปรับพื้นที่ “สเปลล์” ตอบรับเทรนด์สุขภาพยุคหลังโควิดนี้ที่มองว่าผู้บริโภคจะให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพผ่านการเล่นกีฬารูปแบบต่างๆ ขยายวงกว้างครอบคลุมทั้งกลุ่มเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
จิตตินันท์ หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการสายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฟิวเจอร์พาร์ค ได้มีการปรับพื้นที่ “สเปลล์" สู่แบรนด์ใหม่สปอร์ต แอท สเปลล์ (Zport @ Zpell) ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ด้านกีฬา ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการขยายฐานลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนเหนือ
“เทรนด์เฮลธ์ตี้มาแรง การออกกำลังกาย เล่นกีฬา การเดินทางท่องเที่ยว ซึมเข้าสู่ชีวิตประจำวันหรือไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น ทำให้เซ็กเมนต์สินค้ากีฬา และเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพได้รับความนิยมสูงต่อเนื่อง”
สปอร์ต แอท สเปลล์ พื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม.เมื่อรวมกับพื้นที่กีฬาในฟิวเจอร์พาร์ค จะก้าวสู่ศูนย์รวมแฟชั่นและอุปกรณ์กีฬาครบวงจรใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ตอนเหนือด้วยพื้นที่ 20,000 ตร.ม. ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรกีฬามากกว่า 25 แบรนด์
ขณะที่ชอปปิงมอลล์ใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง “เอ็มบีเค เซ็นเตอร์” ใช้จังหวะที่ลูกค้าหลักนักท่องเที่ยวหาย! เขย่าพื้นที่ขายจัดโซนนิ่งร้านค้าใหม่ครั้งใหญ่ในรอบ 36 ปีทีเดียว นอกจากลดความเสี่ยงพึ่งพา “ทัวริสต์” แล้วยังเป็นการเตรียมความพร้อมหลังตลาดฟื้น เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จะพร้อมให้บริการภายใต้โฉมใหม่ 100% ในปี 2565
สมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มบีเค มีพื้นที่รวม 140,000 ตร.ม. เป็นพื้นที่ขาย 84,000 ตร.ม. มีร้านค้ากว่า 1,700 ร้านค้า ซึ่งการปรับปรุงพื้นที่และจัดโซนนิ่งร้านค้าใหม่ จะทยอยดำเนินการในไตรมาสสุดท้ายนี้ ต่อเนื่องปีหน้า ตั้งแต่ชั้นจี (1) จนถึงชั้น 6 ภายใต้งบประมาณหลักพันล้านบาท ด้วยโจทย์ตั้งพฤติกรรมลูกค้าคนไทยพบว่าเข้ามาใช้จ่ายในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นสัดส่วน 89% ของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ สินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า,รองเท้า,กระเป๋า,เครื่องประดับ) 38% สินค้าอุปโภคบริโภคในท็อปส์ 23% ชมภาพยนตร์/เล่นเกมส์ 21% โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์19%
เบื้องต้น เอ็มบีเค จะเร่งเพิ่มกลุ่มร้านอาหารในพื้นที่ชั้นจี และชั้น 2 ก่อน และทุกชั้นจะถูกพัฒนาและจัดระเบียบให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่ 12,000 ตร.ม.ของ “ห้างสรรพสินค้าโตคิว” ที่จะมีแม่เหล็กใหม่เข้ามาเสริมแกร่งในอนาคต
“เอ็มบีเค ยังเป็นเสน่ห์ของชาวต่างชาติไม่ว่ามาจากไหนเมื่อถึงเมืองไทยต้องแวะเอ็มบีเค 1 ครั้ง เพราะมีครบทุกอย่าง วิกฤติโควิดครั้งนี้เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเราให้มีความพร้อมและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
สรัญญา จันทร์สว่าง
ช่วงวิกฤติโควิดทำให้ห้างร้านค้าปลีก ศูนย์การค้า ต้องปิดบริการชั่วคราว แม้ผ่านพ้นช่วง “ล็อกดาวน์” แต่อัตราการเข้าใช้บริการของลูกค้ายังไม่เป็นปกติ โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเป้าหมายหลักนั้นตลาดวูบหาย! คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปีกว่าจะฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่าปกติ จึงเป็นจังหวะที่ดีของปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพื้นที่ขาย หรือสินค้า บริการ ประสบการณ์ ให้ตอบโจทย์และตอบรับสถานการณ์ ดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด!
จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้าเพาเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีนวัตกรรม IoTs (Internet of Things) และ AI ทั้งทีวี เครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและในครัว ตู้เย็น เครื่องซักผ้า สมาร์ทโฟน เกมส์ และแกดเจ็ต ฯลฯ ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น IoTs และดีไซน์ล้ำสมัย เป็นเทรนด์นิยมที่กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ (New Gen Lifestyle) มากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยี 5G ที่พร้อมให้ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้ จะช่วยส่งเสริมฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ผู้ใช้งานจัดการและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ผ่านเครือข่ายไร้สาย อาทิ การเปิด-ปิดไฟ คำสั่งในการควบคุมฟังก์ชั่น ระบบความปลอดภัย
เพาเวอร์มอลล์ จึงมุ่งนำเสนอสินค้ากลุ่มนี้ต่อกลุ่มเป้าหมายยุคใหม่ พร้อมให้เข้าถึงการใช้งานแบบ IoTs มากขึ้น ด้วยการปรับลดราคา และโปรโมชั่น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย ในราคาที่คุ้มค่า และจับต้องได้
พร้อมกันนี้ เดอะมอลล์ได้ใช้งบกว่า 300 ล้านบาท พลิกโฉม เพาเวอร์มอลล์ ดิ อัลทิเมท (POWER MALL THE ULTIMATE) พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ และ เพาเวอร์มอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน เป็นต้นแบบอาณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมียม!
เพาเวอร์มอลล์ ดิ อัลทิเมท พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ สาขาใหญ่ใจกลางเมืองพื้นที่ 5,200 ตร.ม. มีไฮไลท์ “แอปเปิ้ล ช็อป” ขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โซนทีวี ท็อปไอเท็มจากทุกแบรนด์กับความคมชัดระดับ 8K ขนาดกว่า 100 นิ้ว เพาเวอร์มอลล์ เกมสแควร์ รวบรวมพีซีเกมมิ่งและคอนโซลเกมมิ่ง เป็นเดสทิเนชั่นใจกลางเมือง แฟลกชิพแบรนด์คอเนอร์ต่างๆ และพื้นที่ไฮไลท์สำหรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพาเวอร์มอลล์เฟิร์ส (POWER MALL FIRST) นำเสนอสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย
ทางด้าน "เพาเวอร์มอลล์ ไลฟ์สโตร์" งามวงศ์วาน มุ่งขยายฐานลูกค้าฝั่งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ เน้นเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ระดับโลก อาทิ กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (Home Appliances) คอนเซปต์ “New Lifestyle Home Appliance Display” แห่งแรกในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กับ “สมาร์ทโฮม” คอนเซปต์จากแบรนด์ต่างๆ
กลุ่มสินค้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมียมมาตรฐานยุโรปเจาะไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วย โมเดิร์นคิทเช่นแอพพลิแอนซ์โซน สินค้าสำหรับใช้ในครัวจากแบรนด์อิเล็กโทรลักซ์ โดลเช่กาบานา ซีเม็ก วีรสุ กลุ่มสินค้าคอมมูนิเคชั่นจากกลุ่มสมาร์ทโฟน สินค้ากลุ่มไอที และเกมมิ่ง จากแบรนด์ระดับโลก รวมทั้งเกมมิ่งโซน สมาร์ท ออดิโอโซน แกดเจ็ต สมาร์ท วอท์ช ฯลฯ
“คนรักการทำอาหารมากขึ้น อยู่บ้านมากขึ้น ต้องการเครื่องมือทันสมัยในการประกอบอาหาร ทำให้เทรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มสมาร์ทคิทเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมาแรง”
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันภาวการณ์ของตลาด และรูปแบบการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงเวลาโดยเฉพาะแนวโน้ม “การซื้อที่อยู่อาศัย” เป็นตัวแปรในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า จากยุคก่อนหน้านี้กระแสนิยมคอนโดมิเนียมมาแรง ความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กมีสูง ปัจจุบันเทรนด์พัฒนาบ้านจัดสรรหลังใหญ่น้อยลง เน้น “ทาวน์โฮม” ขนาด 40-50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 400 ตารางเมตร มากขึ้น มีการตกแต่งทันสมัย แยกครัวฝรั่ง ครัวไทย หรือดีไซน์ให้บริเวณครัวอยู่ด้านหน้าเพื่อโชว์มากขึ้น ทำให้กลุ่มสมาร์ทคิทเช่นเป็นดาวรุ่ง เช่นเดียวกับทีวีจอใหญ่ 100 นิ้ว และเทคโนโลยี 8K
ขณะที่ศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่โซนกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ “ฟิวเจอร์พาร์ค” ปรับพื้นที่ “สเปลล์” ตอบรับเทรนด์สุขภาพยุคหลังโควิดนี้ที่มองว่าผู้บริโภคจะให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพผ่านการเล่นกีฬารูปแบบต่างๆ ขยายวงกว้างครอบคลุมทั้งกลุ่มเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
จิตตินันท์ หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการสายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฟิวเจอร์พาร์ค ได้มีการปรับพื้นที่ “สเปลล์" สู่แบรนด์ใหม่สปอร์ต แอท สเปลล์ (Zport @ Zpell) ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ด้านกีฬา ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการขยายฐานลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนเหนือ
“เทรนด์เฮลธ์ตี้มาแรง การออกกำลังกาย เล่นกีฬา การเดินทางท่องเที่ยว ซึมเข้าสู่ชีวิตประจำวันหรือไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้น ทำให้เซ็กเมนต์สินค้ากีฬา และเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพได้รับความนิยมสูงต่อเนื่อง”
สปอร์ต แอท สเปลล์ พื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม.เมื่อรวมกับพื้นที่กีฬาในฟิวเจอร์พาร์ค จะก้าวสู่ศูนย์รวมแฟชั่นและอุปกรณ์กีฬาครบวงจรใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ตอนเหนือด้วยพื้นที่ 20,000 ตร.ม. ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรกีฬามากกว่า 25 แบรนด์
ขณะที่ชอปปิงมอลล์ใจกลางกรุงเทพฯ อย่าง “เอ็มบีเค เซ็นเตอร์” ใช้จังหวะที่ลูกค้าหลักนักท่องเที่ยวหาย! เขย่าพื้นที่ขายจัดโซนนิ่งร้านค้าใหม่ครั้งใหญ่ในรอบ 36 ปีทีเดียว นอกจากลดความเสี่ยงพึ่งพา “ทัวริสต์” แล้วยังเป็นการเตรียมความพร้อมหลังตลาดฟื้น เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จะพร้อมให้บริการภายใต้โฉมใหม่ 100% ในปี 2565
สมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็มบีเค มีพื้นที่รวม 140,000 ตร.ม. เป็นพื้นที่ขาย 84,000 ตร.ม. มีร้านค้ากว่า 1,700 ร้านค้า ซึ่งการปรับปรุงพื้นที่และจัดโซนนิ่งร้านค้าใหม่ จะทยอยดำเนินการในไตรมาสสุดท้ายนี้ ต่อเนื่องปีหน้า ตั้งแต่ชั้นจี (1) จนถึงชั้น 6 ภายใต้งบประมาณหลักพันล้านบาท ด้วยโจทย์ตั้งพฤติกรรมลูกค้าคนไทยพบว่าเข้ามาใช้จ่ายในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นสัดส่วน 89% ของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ สินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า,รองเท้า,กระเป๋า,เครื่องประดับ) 38% สินค้าอุปโภคบริโภคในท็อปส์ 23% ชมภาพยนตร์/เล่นเกมส์ 21% โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์19%
เบื้องต้น เอ็มบีเค จะเร่งเพิ่มกลุ่มร้านอาหารในพื้นที่ชั้นจี และชั้น 2 ก่อน และทุกชั้นจะถูกพัฒนาและจัดระเบียบให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่ 12,000 ตร.ม.ของ “ห้างสรรพสินค้าโตคิว” ที่จะมีแม่เหล็กใหม่เข้ามาเสริมแกร่งในอนาคต
เอ็มบีเค ยังเป็นเสน่ห์ของชาวต่างชาติไม่ว่ามาจากไหนเมื่อถึงเมืองไทยต้องแวะเอ็มบีเค 1 ครั้ง เพราะมีครบทุกอย่าง วิกฤติโควิดครั้งนี้เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเราให้มีความพร้อมและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น