"Weekly Market" Strategy (8 ธ.ค.63)
8-9 ธันวาคม: เงินทุนไหลเข้าน่าจะยังแกร่งในสัปดาห์ที่สั้นกว่าปกติ
สรุปภาวะตลาด และมุมมองตลาดสัปดาห์นี้:
ในสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี SET ยังคงขยับขึ้นแบบ sideways up จากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก, การนำวัคซีนป้ องกัน COVID-19 มาใช้ และความคาดหวังว่าค่าเงิน EM และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้น ถึงแม้ว่ามูลค่าตลาดโดยรวมจะตึงตัวแล้ว แต่เรายังคงเห็นการเปลี่ยนกลุ่มเข้าไปซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาไม่แพงซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดขึ้นต่อ สำหรับในสัปดาห์นี้ (8-9 ธันวาคม) ประเทศไทยมีวันหยุดประจำชาติ/วันหยุดพิเศษหลายวัน ทำให้เหลือวันที่ตลาดหุ้นเปิดทำการเพียงแค่สองวันเท่านั้น แต่เราคาดว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าจะยังคงแข็งแกร่ง และจะช่วยขับเคลื่อนให้ดัชนี SET ขึ้นต่อได้อีก ซึ่งอาจจะเป็นการขึ้นรอบสุดท้ายของปี 2563 แล้ว เพราะนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอการทำธุรกรรมในตลาดลงในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของปี ดังนั้น นักลงทุนระยะสั้นอาจจะพิจารณาลดสถานะการลงทุนลงเพื่อรอรับความผันผวนในตลาดที่อาจจะเพิ่มขึ้น สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว เราแนะนำให้ถือหุ้นไทยต่อไป เพราะเราค่อนข้างมองบวกกับแนวโน้มดัชนี SET ในปี 2564 เนื่องจากตลาดมั่นใจมากขึ้นกับ GDP และการฟื้นตัวของ
ผลประกอบการในปี 2564-2565 หลังจากที่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้
ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวสำคัญที่จะมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้:
(0) ตลาดเมินตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สหรัฐรายงานว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาพเกษตรเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 245,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า consensus ที่ 470,000 ตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินสหรัฐยังคงวิ่งแรงเมื่อวันศุกร์ และตลาดหุ้นในเอเชียเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้อ่อนตัวลงแต่อย่างใด ซึ่งเรามองว่าความคาดหวังต่อการนำวัคซีนป้ องกัน COVID-19 มาใช้กลบประเด็นตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในระยะสั้นไปหมด
(0/-) กระแสข่าวเกี่ยวกับการติดเชื้อ COVID-19 ภายในประเทศจะยังคงปั่นให้ตลาดผันผวน: นอกจากจะถูกกดดันจากมูลค่าหุ้นที่ตึงตัว และจำนวนวันที่ตลาดเปิดทำการสั้นกว่าปกติในสัปดาห์นี้แล้วกระแสข่าวเรื่องการติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศก็ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังกับสถานการณ์ในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นในระยะสั้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง กรณีการติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีส่วนเชื่อมโยงโดยตรงกับชายแดนไทย-เมียนมาร์ และทางการไทยก็ยังสามารถติดตามคนที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ ดังนั้น เราจึงมองว่าผลกระทบต่อตลาดจากการติดเชื้อภายในประเทศในขั้นนี้ยังอยู่ในวงจำกัด
(+) แรงกดดันจากการชุมนุมทางการเมืองลดลง อย่างน้อยก็ในระยะสั้น: ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากรณีที่นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านพักทหารไม่ได้ทำให้ขาดคุณสมบัติ ในขณะเดียวกัน เราก็คาดว่าแรงกดดันจากการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลจะลดลงในระยะสั้น เนื่องจากเหตุผลสองประการ ข้อแรกคือจำนวนวันหยุด และข้อสองคือความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้กลุ่มผู้ประท้วงไม่อยากออกมาจัดการชุมนุม
ยังคงเน้นหุ้นกลุ่ม global cyclical และหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากยอดขาย iPhone ที่แข็งแกร่ง
ในสัปดาห์ที่สั้นกว่าปกตินี้ เรายังคงเน้นธีมหุ้นดังต่อไปนี้ โดยในธีมแรก เนื่องจากในขณะนี้นักลงทุนกำลังเตรียมตัวสำหรับการที่วัฏจักรเศรษฐกิจ และผลประกอบการจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังของปี 2564 และปี 2565 เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่ม global cyclical อย่างเช่น ปิโตรเคมี และท่องเที่ยวน่าจะ outperform ได้ แม้ว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาจะวิ่งขึ้นมาแรงแล้ว โดยเรามองว่าหุ้นที่น่าสนใจในธีมนี้ ได้แก่ PTTGC*, IVL* และ MINT* ส่วนในธีมที่สอง จากข้อมูลที่เราได้รับจากแหล่งข่าวในวงการสื่อสาร และ IT ว่า iPhone12 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะถือเป็นสัญญาที่ดีต่อแนวโน้มกำไรของร้านขาย smartphone อย่างเช่น COM7*, JMART และหุ้นเล็กอย่าง CPW