ธุรกิจโรงแรมและที่พัก กับการรอคอยที่ไร้ความหวัง…



อุตสาหกรรมโรงแรมและที่พัก มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยมาก ก่อนเกิดวิกฤติโควิดธุรกิจประสบปัญหาอุปทานส่วนเกิน เมื่อเกิดวิกฤติจึงทำให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ได้ทำการสำรวจโรงแรม รีสอร์ต และเกสต์เฮาส์ตั้งแต่ปี 2561 มีจำนวนสถานประกอบการที่เป็นที่พักแรมทั่วประเทศ 24,391 แห่ง ภาคใต้มีสถานประกอบการมากที่สุด 27.8% รองลงมาคือภาคกลาง 26.4% ภาคเหนือและภาคอีสาน เท่ากัน คือ 20.4%กรุงเทพมหานคร 5.0% จำนวนห้องพักทั้งสิ้น 721,501 ห้อง ภาคใต้มีจำนวนห้องพักมากที่สุด 225,257 ห้อง รองลงมาคือภาคกลาง 192,930 ห้อง ภาคเหนือ 108,618 ห้อง ภาคอีสาน 95,350 ห้อง ที่เหลือเป็นจำนวนห้องพักในกรุงเทพมหานคร
มีการจ้างงานจำนวน 323,882 คน ภาคใต้มีคนทำงานมากที่สุด113,355 คน คิดเป็น 35% ภาคกลาง 82,497 คน 25.51% กรุงเทพมหานคร 61,939 คน 19.1% ภาคเหนือ 37,668 คน 11.6% ภาคตะวันออกเฉลี่ยงเหนือ 28,423 คน 8.8% ได้รับค่าตอบแทนแรงงานทั้งสิ้น 59,003 ล้านบาท เฉลี่ยต่อคนต่อปี 205,068 บาท รายรับจากการดำเนินกิจการของสถานประกอบการที่พักแรม 210,921 ล้านบาท รายจ่าย 164,799 ล้านบาท ตัวเลขทั้งหมดปัจจุบันผมเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อุตสาหกรรมโรงแรมและที่พัก มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยมาก ก่อนเกิดวิกฤติจากธุรกิจโรงแรมที่มีโควิด 19 อุตสาหกรรมโรงแรมและที่พักของไทยประสบปัญหาอุปทานส่วนเกิน (Over Supply) อยู่แล้ว เมื่อเกิดวิกฤติจึงทำให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น มองไปข้างหน้าอุตสาหกรรมโรงแรมและที่พักยังคงอ่อนแอมาก การแพร่ระบาดของโควิด 19ได้ทุบดีมานด์การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกที่เติบโตขึ้นทุกปีจนเหลือตัวเลขเป็น 0 ทำให้แรงงาน ในภาคการท่องเที่ยวมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียงานกว่า 100 ล้านตำแหน่ง จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกลดลงถึง 80% ส่งผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกลดลงไปกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 35% รองลงมาคือภูมิภาคยุโรป ลดลงกว่า 19% ภูมิภาคอเมริกาจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 15% ภูมิภาคแอฟริกา จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 12% และภูมิภาคตะวันออกกลาง จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 11% พื้นที่ท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเกือบ 100% ทั่วโลกถูกปิดให้บริการ
องค์การท่องเที่ยวโลกได้ประมาณการสถานการณ์การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวโลกออกมาเป็น 3 รูปแบบ โดยใช้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และการเริ่มเปิดชายแดนเพื่อการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยในการวิเคราะห์ รูปแบบแรกประเมินว่าการท่องเที่ยวทั่วโลกจะกลับมาเป็นปกติ ในเดือนธันวาคม 2563 ถึงมกราคม 2564 ชึ่งไม่มีความเป็นไปได้แล้ว รูปแบบที่ 2 และ 3 จะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว
จากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทั่วโลก ที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ต้องรอคอยวัคซีนในการป้องกันเท่านั้นจึงทำให้ธุรกิจโรงแรมและที่พักยังไม่เห็นแสงสว่างที่จะฟื้นตัวแต่อย่างใด โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ฤดูแห่งการท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ความหวังของผู้ประกอบการก็ล่มสลายทันที เมื่อเกิดการแพร่ระบาด ของโควิด 19 ที่แพร่กระจายจากแรงงานพม่าในจังหวัดสมุทรสาคร ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทำให้ตัวเลขการติดเชื้อของประชาชนในประเทศที่ไม่เกิดขึ้นมานาน เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นวิกฤติที่อาจเกิดการ Lockdown ประเทศได้
ผมได้นำเสนอวิกฤติจากธุรกิจโรงสีข้าวและชาวนามาแล้ว แต่วิกฤติของธุรกิจโรงแรมและที่พักมีขนาดของปัญหารุนแรงกว่ามาก จำเป็นจะต้องใช้วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องเร่งด่วน ทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว
ท่านผู้รู้ทุกท่านเสนอแนะวิธีการผ่าน Email ของผม weidt.nuchjalearn1@gmail.com ผมจะได้รวบรวมวิเคราะห์เพื่อนำเสนอในตอนต่อไป...