สกพอ.ชี้เทรนด์ EEC ปี 64 ดึงลงทุนธุรกิจสุขภาพ-ดิจิทัล-โลจิสติกส์

สกพอ.ชี้เทรนด์ EEC ปี 64 ดึงลงทุนธุรกิจสุขภาพ-ดิจิทัล-โลจิสติกส์

สกพอ.ประเมินแนวโน้มการลงทุน EEC ปี 2564 เร่งดึงลงทุน 3 ธีม "ธุรกิจสุขภาพ-ดิจิทัล-โลจิสติกส์" หนุนการพัฒนา BCG

แม้เศรษฐกิจโลกปี 2564 ยังผันผวน แต่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ตั้งเป้าหมายมูลค่าการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดึงการลงทุน

ลัษมณ อรรถาพิช รองเลขาธิการสายงานการลงทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ สกพอ.เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในปี 2564 จะเป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะโควิด-19 ยังระบาดทำให้เดินลำบากและตัดสินใจลงทุนได้ช้า

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวนแต่ในปี 2564 ยังตั้งเป้าหมายยอดการลงทุนอีอีซีไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และคงระดับนี้ต่อเนื่อง 3 ปี แม้จะเกิดโควิด-19 ระบาด แต่ในรอบ 11 เดือนของปี 2563 ยอดผู้ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนเพื่อลงทุนจริงขยายตัวถึง 62% ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนมีความมั่นใจเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ 

สำหรับปี 2564 จะเร่งดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลบวกจากโควิด-19 และไทยมีศักยภาพโดดเด่น โดยอยู่ในธีมใหญ่ คือ บีซีจี (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) เพราะในขณะนี้และโลกในอนาคตมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และสุขอนามัยจะสูงขึ้น และแยกเป็น 3 ธีมย่อย ได้แก่ 

1.ธีมดิจิทัล ซึ่งเป็นเทรนอุตสาหกรรมที่เติบโตสูงจากการพัฒนาระบบ 5จี และต่อยอดจากการลงทุนโครงข่ายระบบ 5จี ที่จะครอบคลุมพื้นที่ 50% ของอีอีซี ในปี 2564 และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายธุรกิจหันมาลงทุนระบบดิจิทัลมากขึ้นทั้งหุ่นยนต์ ออโตเมชั่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพสูงมากบนระบบ 5จี จะเกิดฐานข้อมูลมากมายในการมาต่อยอดให้เกิดธุรกิจคราวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ 

รวมทั้งจะเกิดประโยชน์อย่างมากกับธุรกิจการแพทย์และเกษตรอัจฉริยะ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellbeing) สมาร์ทซิตี้ ซึ่งธีมดิจิทัลไม่ใช้เพียงการลงทุนทางตรงในโรงงาน แต่จะเข้ามาปรับฐานเศรษฐกิจบริการของไทยอีกมาก

การลงทุนอุตสาหกรรมดิจิทัลปี 2563 ยังไม่มากในรอบ 11 เดือนแรกมีมูลค่า 630 ล้านบาท แต่มั่นใจว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมดิจิทัลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอีอีซี จะเติบโตสูงขึ้นกว่า 150% และจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อเนื่องอีกมหาศาล

“ในธีมดิจิทัลนี้ ไม่เพียงจะดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล แต่จะนำ 5จี มาเป็นตัวตั้งก่อให้เกิดการนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 จะทำให้เกิดการลงทุนในเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีมูลค่าสูงมาก" 

สำหรับเครื่องจักรเหล่านี้จะส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์นำไปสู่การพัฒนาการผลิตจากฐานข้อมูลที่รวดเร็ว และจะเกิดธุรกิจที่นำข้อมูลมาปรับปรุงโรงงานอีกมาก รวมไปถึงจะเกิดอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และธุรกิจออกแบบและพัฒนาด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (เอสไอ) ธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ 160923894484

2.ธีมสุขภาพ ซึ่งจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกต้องการอุปกรณ์การแพทย์ป้องกันและรักษาโรคเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลสูขภาพ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิต้านทานโรคสูง เช่น หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง ชุดพีพีอี ชุดตรวจวิเคราะห์โรค อุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้แล้วทิ้ง เครื่องช่วยหายใจและเครื่องพยุงชีพ 

รวมถึงสินค้าดูแลสุขภาพ เช่น อาหารเสริมวิตามิน สารสกัดจากพืช และเครื่องสำอางที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรชั้นสูง สมาร์ทฟาร์มเมอร์ อาหาร เครื่องมือแพทย์ โดยจะถูกครอบด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ทำให้การลงทุนในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพจะมาแรง

ที่ผ่านมารัฐบาลได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และการแพทย์ในอีอีซีหลายโครงการ ได้แก่ โครงการจีโนมิกส์ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นการจัดทำฐานข้อมูลดีเอ็นเอของคนไทย 50,000 ราย เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนาด้านการแพทย์ผลิตยารักษาโรค วัคซีน และวิธีการรักษาโรคใหม่ที่เหมาะสมกับคนไทยและอาเซียน เพื่อให้ประชากรในภูมิภาคนี้ตอบสนองต่อการรักษาได้ดีขึ้น

160931808481

ทั้งนี้จะทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งเกิดธุรกิจโรงพยาบาลที่จะรักษาโรคได้เฉพาะจุดเฉพาะคน การใช้เทคโนโลยีพันธุกรรมในการรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ประกอบกับโรงพยาบาลของไทยก็มีชื่อเสียงในระดับโลกทำให้นักลงทุนทั้งจากเอเชีย ยุโรป สหรัฐ ต่างสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลของไทย

นอกจากนี้ ธีมสุขภาพจะครอบคลุมตั้งแต่เทคโนโลยีการปลูกพืชที่เป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมชีวภาพที่ต้องใช้เทคโนโลยีระบบปิดที่ทันสมัย เพื่อให้พืชมีความเข้มข้นของสารสกัดได้ตามมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง

ซึ่งในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi มีเทคโนโลยีการปลูกพืชระบบปิดที่เอกชนเข้าไปใช้ได้ และมีโรงงานสกัดสารชีวภาพไบโอรีไฟเนอรีที่เอกชนนำผลการวิจัยไปต่อยอดทดลองผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้ เพื่อให้เกิดการสกัดชีวภาพใหม่ ซึ่งในอีอีซีมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างครบถ้วน

3.ธีมสมาร์ทโลจิสติกส์ โดยโควิด-19 ทำให้กระทบต่อซัพพลายเชนทั่วโลกที่ต้องพึ่งพาฐานการผลิตในจีน ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเห็นถึงจุดเด่นความสำคัญของอีอีซี ที่มีระบบคมนาคมที่ครบถ้วนทั้งท่าเรือน้ำลึก สนามบิน ถนน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงที่จะมาในอนาคต ทำให้อีอีซีเหมาะเป็นฮับโลจิสติกส์ในภูมิภาคจะทำให้เกิดการลงทุนด้านการขนส่งและคลังสินค้าใช้ระบบอัตโนมัติและเอไอ และธุรกิจ Express delivery ที่เป็นธุรกิจเติบโตเร็วมาก 

สำหรับธุรกิจดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนไม่มากแต่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูง เช่น DHL มาลงทุนในไทยจะลงทุนคลังสินค้าและใช้สนามบิน แต่จะมีมูลค่าขนส่งสินค้าแต่ละปีมหาศาล ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนหลายธุรกิจ และทำให้ระบบโลจิสติกส์ และระบบศุลกากรไทย มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ที่ผ่านมามีธุรกิจอีคอมเมิร์ชขนาดใหย่เข้ามาลงทุน ก็ได้เข้าไปพัฒนาระบบศุลกากรเชื่อมโยงข้อมูล ทำให้จัดเก็บภาษีได้รวดเร็วถูกต้อง เป็นต้น