'นิด้า'เตือนลงทุน 'บิทคอยน์'เสี่ยงสูง เหตุไร้ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
นักวิชาการนิด้าเตือนบิทคอยน์เสี่ยงสูง ไร้พื้นฐานเศรษฐกิจรองรับ ขาดหน่วยงานกำกับดูแล ระบุหากค่าเงินดอลลาร์นิ่งขึ้นเศรษฐกิจลดความผันผวนมีเสี่ยงราคาปรับฐานแรง
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงราคาบิทคอยน์ที่พุ่งสูงขึ้นในขณะนี้ว่าเนื่องจากเป็นการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนบางกลุ่มที่ชื่นชอบความเสี่ยงสูงในภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูงทำให้ราคาขึ้นไปได้มาก ซึ่งในระยะต่อไปหากเศรษฐกิจมีความผันผวนน้อยลงนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯออกมาเป็นที่แน่นอน ค่าเงินดอลลาร์มีความนิ่งมากขึ้นมีโอกาสสูงมากที่ราคาบิทคอยน์จะปรับตัวลดลงและอาจเป็นการปรับฐานลดลงอย่างรุนแรง
ทั้งนี้บิทคอยน์ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 2008 - 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯประสบปัญหาทำให้คนคิดการเก็งกำไรด้วยวิธีนี้ขึ้น การกำหนดราคาของบิทคอยน์เป็นเรื่องของอุปสงค์และอุปทานเหมือนกับสินค้าบางอย่างที่ที่ตลาดมีความต้องการมากก็จะขยับปรับราคาขึ้นไปได้มาก แต่บิทคอยน์โดยตัวมันเองไม่ได้เป็นสินทรัพย์ รวมทั้งไม่ได้เป็นสกุลเงิน (Currency) หรือทรัพย์สินที่มีค่าอย่างทองคำที่จะเอาไปทำของมีค่าอะไรได้ รวมทั้งไม่ได้มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจสินทรัพย์ใดๆรองรับซึ่งตรงนี้แตกต่างจากสกุลเงินและสินทรัพย์ต่างๆที่มีการลงทุนกันอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของค่าเงินนั้นโดยหลักการทั่วไปจะมีธนาคารกลางของแต่ละประเทศกำกับดูแลอยู่
“บิทคอยน์มีลักษณะเหมือนสินค้าที่มีการเก็งกำไรสูง โดยทั่วไปของการเก็งกำไรจะมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเก็งกำไรเข้ามาช่วยปั่นราคาให้ขยับเพิ่มขึ้น
ซึ่งตอนนี้ก็มีโปรแกรม ที่เกี่ยวข้องกับการขุดเหมืองบิทคอยน์ที่บอกว่ามีการจำกัดจำนวน มีให้เติมเงินไปซื้อรถขุด ซื้ออุปกรณ์การขุดต่างๆ ก็ได้ประโยชน์ก็ช่วยกันดันราคาขึ้นไป ยิงมีการเก็งกำไรพวกทีเฟ็กซ์โดยอิงกับราคาบิทคอยน์คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องเก็งกำไรก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ราคาที่ขึ้นไปเมื่อไหร่ที่สินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงอย่างดอลลาร์สหรัฐฯมีความนิ่งคนก็กลับไปถือดอลลาร์แทนราคาพวกนี้ก็จะดิ่งลง”
นายมนตรีกล่าวว่า วิธีการที่จะดูว่าบิทคอยน์มีมูลค่าจริงตามที่รคาพุ่งขึ้นไปถึงประมาณ 1 บิทคอยน์เท่ากับ 1 ล้านบาทหรือเปล่าให้ลองเอาบิทคอยน์ไปซื่้อสินค้าจริงเช่นกระเป๋า รถยนต์ ว่าบริษัทผู้ผลิตสินค้าเหล่านั้นยอมรับหรือไม่ จะพบว่าไม่มีที่ใดยอมรับเพราะทุกคนไม่มั่นใจเรื่องเสถียรภาพราคาเพราะมีราคาในบางช่วงมีการปรับเพิ่มและลด ถือว่ามีความผันผวนมากเกินไปจะนำมาซื้อขายสินค้าจริงได้เพราะหากผู้ขายที่รับบิทคอยน์ไปก็เสี่ยงที่ราคาจะลดลงมากจนขาดทุนได้
“ในเรื่องการลงทุนแม้เราจะรู้ว่าความเสี่ยงสูงผลตอบแทนจะสูง แต่การไปลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงมากแล้วไม่รู้ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาขึ้นหรือลงก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง อย่างบิทคอยน์นอกจากเรื่องดีมานต์ซัพพายแล้วไม่รู้เลยว่าราคาขึ้นลงด้วยปัจจัยอะไรก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้รับผลเสียหายสูงได้"นายมนตรี กล่าว