‘สยามไบโอไซเอนซ์’ ผู้ผลิต ‘วัคซีนโควิด’ สัญชาติไทย หนึ่งเดียวในอาเซียน!

วันนี้ต้องยอมรับว่า “วัคซีนป้องกันโควิด-19” เป็นความหวังเดียวของทั่วโลกที่จะมาสู้กับโควิด-19 สำหรับประเทศไทย นอกจากล่าสุดที่ได้สั่งซื้อวัคซีนล็อตแรกไปแล้ว 2 ล้านโดส จากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค ของจีน โดยจะเริ่มทยอยส่งมาตั้งแต่ช่วงปลาย ก.พ. และจะครบในเดือน เม.ย.

• ผู้ผลิต “วัคซีนโควิด” หนึ่งเดียวในไทย

ขณะเดียวกันยังมีข่าวดีอีกหนึ่งเรื่องคือ บริษัท สยามไบไซเอนซ์ จำกัด (Siam Bioscience) บริษัทผู้ผลิตวัคซีนหนึ่งเดียวของไทย จากพระราชปณิธาน ร.9 ก็จะเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะทำให้คนไทยมีวัคซีนใช้อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก บริษัท แอสตราเซนเนก้า และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ที่มีการจองและผลิตวัคซีนโควิดถึง 26 ล้านโดส และน่าจะเริ่มใช้ได้ภายใน พ.ค.63 นี้

และนับเป็นข่าวดีของคนไทยที่จะได้ใช้วัคซีนในราคาต้นทุน ที่อยู่บนหลักการ No Profit No Less Principle หรือการไม่แสวงหากำไร โดยไทยได้ซื้อมาในราคาโดสละ 5 ดอลลาร์ หรือประมาณ 151 บาทต่อหลอดเท่านั้น หากเป็นผู้ผลิจรายอื่นจะมีราคาสูงกว่านี้ เช่น ที่สหภาพยุโรปทำข้อตกลงซื้อวัคซีนโควิด-19 กับไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ในราคาโดสละ 18.34 ดอลลาร์

หากถามว่า วัคซีนจะเพียงพอหรือไม่?

ต้องบอกเลยว่า 26 ล้านโดส สำหรับคนไทย 13 ล้านคนนั้นเป็นเพียงการผลิตเบื้องต้น ซึ่งจริงๆ แล้วคาดว่าบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนได้ปีละกว่า 180-200 ล้านโดส หรือเฉลี่ยเดือนละ 15 ล้านโดส เมื่อผลิตได้แล้ว กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะจัดซื้อและกระจายให้กลุ่มเป้าหมายต่อไป ส่วนวัคซีนที่เหลือจะมีการทยอยส่งออกให้ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนต่อไป

ทั้งนี้หลังจากที่มีข่าว บริษัทสยามไบไซเอนซ์ (Siam Bioscience) ออกมา หลายคนก็สนใจบริษัทนี้มากขึ้น “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” จะพาไปเจาะลึกที่มาที่ไป และธุรกิจในมือ ก่อนที่จะได้รับโอกาสผลิตวัคซีนโควิดครั้งนี้ บริษัททำอะไรมาบ้าง?

• สยามไบโอไซเอนซ์ ทำอะไรมาแล้วบ้าง?

ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 หรือราว 11 ปีที่แล้ว บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เริ่มก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 4,800 ล้านบาท โดยพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ร.9) ที่ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย

โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่10 ทรงสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ในด้านการสาธารณสุขของไทยมาจนปัจจุบัน บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ นับเป็นบริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทยจนกระทั่งปัจจุบัน

บริษัทแรกในเครือ คือ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย หลักๆ เป็นการผลิตยา ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 

และในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัท ยังได้ร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการพัฒนาและผลิตชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ RT-PCR  เป็นการตรวจเชื้ออย่างรวดเร็วเพื่อลดการแพร่เชื้อ ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศไทยที่ผลิตได้ตามมาตรการฐานขององค์การอนามัยโลก โดยมีการส่งมอบไปยังห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ทั่วประเทศ 

นอกจากนี้ผลงานที่ผ่านมา ได้ผลิตยาชีววัตถุ หรือยาไบโอฟาร์มา ในการรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลข้างเคียงต่ำ เช่น การผลิตยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว เป็นต้นอีกด้วย

ขณะที่ปีถัดมาได้เปิดบริษัทสำหรับทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ชื่อว่า บริษัท เอเพ็กต์เซล่า จำกัด ต่อมาอีกราว 7 ปี ก็แตกบริษัทย่อยอีก 2 บริษัท คือ บริษัท เอบินิส จำกัด เป็นการร่วมมือกับ CIMAB รัฐวิสาหกิจยาของสหรัฐ เพื่อวิจัย พัฒนาและส่งออกยาชีววัตถุ โดยเฉพาะโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สะเก็ตเงิน เป็นต้น อีกบริษัท คือ บริษัท อินโนไบโอคอสเมด จำกัด จะมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ชีวเวชสำอาง 

• ปี 2562 มีรายได้กว่า 157 ล้านบาท 

หากเจาะลึกข้อมูลด้านการเงิน ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 157.87 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 35.05% ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 116.88 ล้านบาท ขณะที่กำไร (ขาดทุน) สุทธิ ในปี 2562 พบว่าบริษัทขาดทุนสุทธิราว 69.47 ล้านบาท แต่เป็นการขาดทุนในสัดส่วนที่ลดลงจากปีก่อน

ที่มา : bangkokbiznews.com, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, siambioscience.com,