‘ไทยแฮนด์มาสสาจ’ ปรับเกมขายสู้โควิด พยุงตลาดร้านนวด-สปา 5 หมื่นล้าน

‘ไทยแฮนด์มาสสาจ’ ปรับเกมขายสู้โควิด พยุงตลาดร้านนวด-สปา 5 หมื่นล้าน

หลังจาก “ไทยแฮนด์ มาสสาจ” (Thaihand Massage) เว็บไซต์รวบรวมร้านนวดและสปาทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และในจังหวัดท่องเที่ยวทั่วประเทศรวมกว่า 100 ร้าน เปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค.2563 ได้เพียง 10 วัน รัฐบาลก็สั่งปิดร้านนวดสปาเป็นการชั่วคราวรอบแรก

เนื่องจากเป็นสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19!

ชนม์ฯปีติ พรรุ่งโรจน์ ผู้ก่อตั้งไทยแฮนด์ มาสสาจ เล่าย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วว่า ส่งผลให้ไทยแฮนด์มาสสาจต้อง “ปรับแผนครั้งใหญ่” ด้วยการรุกขายอี-วอยเชอร์ให้ลูกค้าซื้อล่วงหน้าแล้วค่อยใช้บริการทีหลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านนวดสปาให้มีกระแสเงินสดเข้ามาในยามที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามคำสั่งรัฐ

ตามด้วยการช่วยเหลือหมอนวดซึ่งในตอนนั้นตกงานค่อนข้างมาก ทั้งส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ รับจ้างเป็นรายวัน และทางร้านมีประกันค่ามือให้ พอร้านนวดต้องปิดชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถจ่ายประกันค่ามือแก่หมอนวดได้ หลายรายต้องกลับต่างจังหวัด แต่บางส่วนก็ไม่ได้มีงานในต่างจังหวัดรองรับ

ทางไทยแฮนด์มาสสาจจึงเปิดรับสมัครหมอนวดกลุ่มนี้ขึ้นมาแล้วดิลิเวอรี่ส่งไปนวดตามบ้าน ภายใต้ชื่อบริการ Thaihand Go แล้วได้รับผลตอบรับดีมาก เพราะลูกค้าหลายรายติดนวด บ้างเป็นออฟฟิศซินโดรม และคนก็ทำงานที่บ้านกันเพื่อหยุดเชื้อ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยได้คุมเข้มเรื่องความปลอดภัยทุกมิติรวมสุขอนามัย แต่สุดท้ายก็ติดปัญหาเรื่องโอเปอเรชั่น เช่น หมอนวดบางคนมาสาย หรือไม่ไปตามนัดหมาย

“พอมีการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ไทยแฮนด์มาสสาจจึงกลับไปที่ตำแหน่งทางการตลาด (Positioning) ของเราจริงๆ นั่นคือแพลตฟอร์มที่เป็นสะพานสื่อกลางเชื่อมลูกค้ากับผู้ประกอบการ ต่างจากการระบาดรอบแรกที่เราทำตัวเหมือนเป็นร้านนวดหรือเจ้าของเซอร์วิสเสียเอง โดยในช่วงระบาดรอบใหม่ เราปรับแผนด้วยการประสานไปยังร้านนวดต่างๆ ซึ่งยังมีหมอนวดประจำที่ร้านอยู่ กระทั่งได้พันธมิตร 10 ร้านทั่วกรุงเทพฯที่กระจายตามโซนต่างๆ ดิลิเวอรี่หมอนวดไปตามบ้านลูกค้า”

นอกจากนี้ส่วนของวอยเชอร์ ได้ปรับให้มีความพิเศษขึ้นเพื่อสู้กับคู่แข่ง ด้วยการขายเป็นแพ็คเกจ เพราะปกติแล้วแพลตฟอร์มอื่นๆ ไม่ว่าจะซื้อวอยเชอร์ 1 ใบหรือ 10 ใบ ราคาจะเท่าเดิม วันหมดอายุเท่าเดิม แต่ถ้าซื้อแพ็คเกจของไทยแฮนด์มาสสาจ ราคาเฉลี่ยต่อใบจะถูกลงและกำหนดวันใช้งานวอยเชอร์นานขึ้น เพื่อรับประกันกับทางร้านนวดสปาว่าเมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังต้องปิดบริการชั่วคราวตามคำสั่งรัฐ จะมีลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง ทั้งยังช่วยเพิ่มยอดใช้จ่ายต่อหัวให้ทางร้านด้วย

ชนม์ฯปีติ เล่าเพิ่มเติมว่า ก่อนวิกฤติโควิด-19 จะเกิด ภาพรวมลูกค้าร้านนวดสปาในประเทศไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือนักท่องเที่ยวต่างชาติครองสัดส่วน 75% ของทั้งหมด ส่วนลูกค้าตลาดในประเทศอยู่ที่ 25% โดยทางไทยแฮนด์มาสสาจประเมินว่ามูลค่าตลาดร้านนวดสปาเมื่อปี 2562 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากมูลค่าตลาด 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทตามประมาณการณ์ของธนาคารไทยพาณิชย์เมื่อราวปี 2561 ส่วนจำนวนร้านนวดสปาในไทยมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 2.5 หมื่นร้าน จำนวนมากใกล้เคียงกับสาขาร้านสะดวกซื้อในไทย และมีจำนวนหมอนวดกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ เฉลี่ย 8 คนต่อร้าน

แต่พอมีโควิด เกมมันพลิกทั้งหมด! ลูกค้าต่างชาติหายไป ส่วนลูกค้าในประเทศที่เป็นคนไทย 23% กับเอ็กซ์แพทหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทยอีก 2% ซึ่งปัจจุบันมีชาวจีนอาศัยอยู่ 2 แสนคน และชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ 4 หมื่นคน ไทยแฮนด์มาสสาจจึงตัดสินใจไม่รอตลาดต่างชาติกลับมา รุกทำตลาดเอ็กซ์แพทชาวจีนและญี่ปุ่นจนสามารถเพิ่มยอดขายจากกลุ่มนี้เพิ่มเป็น 10% ของยอดขายปัจจุบัน ซึ่งมียอดใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าคนไทยมาก เฉลี่ยอยู่ที่หลักพันบาทขึ้นไปต่อครั้ง สูงสุด 2 หมื่นกว่าบาทต่อครั้ง ขณะที่คนไทยซื้อเฉลี่ยที่ 600-700 บาทต่อครั้ง

“ตอนนี้ร้านนวดและสปาต่างตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากกันทุกคน ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มปิดตัว โดยจากการแพร่ระบาดรอบแรก ไทยแฮนด์มาสสาจคาดว่ามีร้านนวดสปาปิดตัวถาวรกว่า 15% หลายรายเปิดให้เซ้งกิจการ ส่วนการแพร่ระบาดรอบใหม่ หากกินเวลานานเกิน 2.5 เดือนนับตั้งแต่ ม.ค.นี้ ผู้ประกอบการร้านนวดสปาจะเจ็บหนักกว่ารอบแรก เพราะธุรกิจยังไม่ทันได้โกยกระแสเงินสดตุนไว้มากพอหลังกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งจากการยุติการระบาดรอบแรกได้สำเร็จ จึงคาดว่าอาจเห็นปิดกิจการถาวรอีก 30%”