ไวซ์ไซท์ แนะติดอาวุธให้แบรนด์ ดึงข้อมูลเร็ว-ลึกขึ้น ผสานพลังดาต้า สู้การค้า 64

ไวซ์ไซท์ แนะติดอาวุธให้แบรนด์ ดึงข้อมูลเร็ว-ลึกขึ้น ผสานพลังดาต้า สู้การค้า 64

ปี 2564 พฤติผู้บริโภค การแข่งขัน จะเปลี่ยนเร็วและแรงกว่าเดิม แบรนด์จึงต้องทำตลาดให้เข้มขันขึ้น การเข้าถึง ดึงข้อมูลมาใช้อย่างรวดเร็ว ได้ข้อมูลแบบเจาะลึก และ Intergration ข้อมูลสำคัญมาก เพราะจะเป็นการติดอาวุธให้แบรนด์แกร่งยิ่งขึ้น

เป็นประจำทุกปีที่ ไวซ์ไซท์ผู้ให้บริการเกาะติดและวิเคราะห์ข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์หรือ Social Listening จะออกมสรุปสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยสื่อสาร โพสต์ข้อความ พูดคุยอะไรกันบ้างบนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ให้นักการตลาดทราบ สะท้อนเทรนด์ที่เกิดขึ้น สิ่งไหนเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมสนใจ และกลายเป็นไวรัลที่สร้างผลกระทบเชิงบวกและลบ เพื่อเป็นบทเรียนก่อนก้าวสู่ศักราชใหม่ 

ในงาน  AP THAILAND and SEAC Present CTC2021 Active Virtual Conference กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้หยิบข้อมูลสำคัญมาฉายสถานการณ์ของโลกออนไลน์อย่างน่าสนใจ เริ่มจากภาพรวมของ 100 แบรนด์ใช้สื่อสังคมออนไลน์ใดเป็นอาวุธในการสื่อสาร สร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดย เฟซบุ๊กยังครองอันดับ 1 ที่ถูกโพสต์มากสุด แต่การเติบโตเพียง 0.3% เท่านั้น มีเอ็นเกจเมนต์เพิ่ม 47.9% ส่วนทวิตเตอร์ โพสต์เพิ่ม 15.6% เอ็นเกจเมนต์เพิ่ม 36.9% อินสตาแกรมโพสต์ภาพนิ่งเพิ่ม 15.3% ส่วนโพสต์วิดีโอเพิ่ม 19.1% เอ็นเกจเมนต์เพิ่ม 3% และยูทูปโพสต์เพิ่ม 7.5% เอ็นเกจเมนต์ติดลบ 9.6%

161161590429

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละแพลตฟอร์มให้ผลลัพธ์การตลาดแตกต่างกัน และอินสตาแกรม ยูทูปเริ่มมีเอ็นเกจเมนต์ไม่เป็นไปตามที่แบรนด์ต้องการ ส่วนทวิตเตอร์แบรนด์เริ่มเข้าไปสื่อสารการตลาดมากขึ้นอย่างมีนัยยะ 

เนื่องจากปี 2563 โควิด-19 ระบาด แบรนด์เบรกทำตลาดค่อนข้างมาก ประกอบกับเกิดการล็อกดาวน์ รวมถึงข่าวปลอมหรือ Fake News ทำให้เอ็นเกจเมนต์หลายอุตสาหกรรมต่ำลง เช่น ร้านอาหาร ธุรกิจความงาม สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคล ขณะที่ธุรกิจเดลิเวอรี่ โลจิสติกส์เอ็นเกจเมนต์สูง เป็นต้น ส่วนเรื่องราวสุดฮอตที่ผู้คนกล่าวถึงมากหนีไม่พ้น โควิด-19” มากถึง 116 ล้านเอ็นเกจเมนต์ ตามด้วยแบล็คพิงค์ ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกรอบ 30 ปี ก้อย-ตูน แต่งงาน ลุงพล เรือดำน้ำ เยาวชนปลดแอก  

161161611018

อีกปรากฏการณ์ที่นักการตลาดเล่นกับกระแสโกยยอดขายได้ คือการ #SAVE  ที่มาจากกรณีศึกษาของ #SAVEปีโป้ม่วง ซึ่งขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ เมื่อผู้บริโภคพลาดรสชาติที่ชอบ เหลือเพียงปีโป้ม่วงให้ทาน ทำให้แบรนด์อาศัยจังหวะไวรัลแรงจัดสินค้าและทำการตลาดกวาดยอดขายใน 20 วัน ไม่แค่ปีโป้ปัง แต่แบรนด์อื่นโหนเทรนด์ทำตลาดด้วยทั้งลาซาด้า เดอะมอลล์ น้ำดื่มเนสท์เล่เพียวไลฟ์ แม็คโดนัลด์ เป็นต้น 

การ #SAVE ไม่อยู่แค่โลกการตลาด เมื่อการเมืองร้อนแรงทำให้เทรนด์ #SAVEวันเฉลิม #SAVEอนาคตใหม่ การเมืองกินสัดส่วนถึง 70% ที่เหลือเป็นเรื่องอื่นๆ เช่น  #SAVEโคราช #SAVEเชียงใหม่ จากเหตุไฟป่า #SAVEบุคลากรทางการแพทย์ ที่ช่วยต่อสู้โรคโควิด-19   

จากสิ่งที่ผู้บริโภคสื่อสาร นักการตลาดนำไปวางกลยุทธ์ 3 เรื่อง ดังนี้ 1.Quicker Data ต้องได้ข้อมูลที่เร็วขึ้น ยุคนี้หากผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์แง่ลบจนเกิดวิกฤติ จะคิดคอนเทนท์ แก้ข่าวใช้เวลาข้ามวันไม่ทันการณ์ 

หากเกิดเหตุกับแบรนด์วันศุกร์ แล้วออกมาให้ข้อมูลวันจันทร์ ช้าเกินไป และอาจกลายเป็นว่าแบรนด์ขุดตัวเองขึ้นมาเผาซ้ำอีกครั้ง”  

นอกจากนี้ การตอบสนองต้องเร็ว จะขายสินค้า หากผู้บริโภคหลังไมค์ถาม พ่อค้าแม่ขายต้องตอบใน 2 นาที ไม่เกิน 30 นาที ช้าแค่อึดใจเดียว อาจ พลาดโอกาสขายได้ ยุคนี้ต้องทำธุรกิจกระดานข้อมูล(Dashboard) ต้องพร้อมเสนอเจ้านายให้เร็ว และเป็นข้อมูลอัพเดทไม่ใช่ดีเลย์ 2 เดือน เพื่อใ้ช้ในการตัดสินใจต่างๆ

161161623225

2.Deeper Data ข้อมูลเร็วไม่พอ แต่ต้องลึกกว่าเดิมใน 3 ด้าน เมื่อข้อมูลล้นหลาม การสื่อสารด้วยภาพจำเป็น แต่จะให้คนอ่านข้อมูลมหาศาลแปลงเป็นภาพอาจลำบาก แบรนด์สามารถใช้ปัญญาประดิษฐ์(AI)มาประมวลผลได้ ในโลกออนไลน์ไม่ได้มีแค่คำชม ดอกไม้สวยหรู แต่กลับกันมักเต็มไปด้วย ก่นด่า-ตำหนิ-ติแบรนด์รุนแรงจนกลายเป็นกระแสไฟลามทุ่ง หากต้องการเพิ่มโอกาสทำเงิน ต้องหาทางสร้างความสนใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าปิดการขาย(Lead Generation) แต่จะทำการตลาดแค่ไหน อย่าลืมวัดผลการทำงานและเทียบศักยภาพของตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้รู้ว่าพัฒนาขึ้น ย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลังกว่าเดิม

นักการตลาดต้องนำข้อมูลทำเบนช์มาร์กตัวเองต่อเนื่อง ว่าทำดีกว่าอดีตหรือไม่ เทียบคู่แข่งว่าเราดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่เช่นนั้นเราจะอยู่ในกรอบเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก

3.Integration of Data ผสานข้อมูลทุกเครื่องมือออนไลน์ เพิ่มพลังทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Google Search เพื่อให้เข้าใจเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภค(Customer’s buying journey) ประกบข้อมูลของเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ใช้เครื่องมือเชื่อมต่อทุกส่วน เช่น zendesk saleforce  

แม้โซเชียลมีเดียจะแมส แต่ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ยังสำคัญ เราต้องนำข้อมูลประกอบทุกสื่อเพื่อทำการตลาด” 

สำหรับปี 2564 นักการตลาดต้องทำเรื่องดังกล่าวเข้มข้นขึ้น เพราะตัวแปร 3 ส่วนจะเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเดิมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งรายงานจากดีลอยท์ ระบุว่าผู้บริโภค 66% ชอบแบรนด์สินค้าที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โควิด สอดคล้องกับกรณีศึกษาในไทย เมื่อการออกไปนอกบ้นทานชาบูไม่ได้ แบรนด์ที่จัดแคมเปญแถมหม้อเสิร์ฟอร่อยถึงบ้าน จึงประสบความสำเร็จล้นหลาม 

161161600415

ผู้บริโภคเปลี่ยนแล้ว เหลือแค่แบรนด์เท่านั้นที่จะต้องฟังผู้บริโภคให้มากขึ้น เพื่อรู้และเข้าใจความต้องการ และปรับตัวให้ทันกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ การแข่งขันทำตลาดดิจิทัลจะรุนแรงขึ้น เพราะธุรกิจไม่สามารถกลับไปอยู่ในโลกกายภาพแบบเดิมได้ ทุกองค์กรจะวิ่งเข้าหาดิจิทัล แต่แบรนด์ต้องเข้าใจคาแร็กเตอร์แพลตฟอร์ม และในสถาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนต้อง วัดผล เสมอ เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันการณ์  

สุดท้าย การเก็บข้อมูลองค์กร(First-party Data) มีความสำคัญมาก และเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า มีความแม่นยำ แต่การพัฒนา Customer Data Platform : CDP ต้องใช้เวลาและลงทุนสูง 1-3 ล้านบาทต่อปี และการเก็บข้อมูลฝั่งเดียวไม่พอ ลองหมั่นสอบถามผู้บริโภค สังเกตคู่แข่งว่าขยับตัวไปทางไหน เพื่อให้การชนะในสมรภูมิการค้า