จับ 21 ราย โกงโครงการ 'คนละครึ่ง' โทษจำคุกสูงสุด 3 ปี
นครบาลลุยจับ 21 ผู้ต้องหา ฉ้อโกงเงินโครงการ "คนละครึ่ง" หลังได้รับเรื่องร้องเรียนพบร้านค้าย่านบางบอนมีการสแกนซื้อสินค้า และจ่ายเงินผิดปกติ โทษจำคุกสูงสุด 3 ปี
จากกรณี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ห่วงใยเรื่องสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอประเด็นกลโกง "เราชนะ" รับ ซื้อ - ขายสิทธิโดยชาวเน็ตให้ข้อมูลร้านค้าหลายแห่งที่เปิดให้ประชาชนแลกเงินในโครงการต่าง ๆ ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน ร่วมกันแถลงผลงานการดำเนินคดีผู้ต้องหา 21 คน ฐานฉ้อโกง หลังสืบทราบว่า มีการใช้สิทธิ์ตามโครงการ "คนละครึ่ง" อย่างผิดกฎหมายไม่ตรงตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด
พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า บก.สส.บช.น.ได้รับข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง ว่า มีร้านขายของชำร้านหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนเอกชัยซอย 46 แขวงและเขตบางบอน กทม.ซึ่งร้านค้าดังกล่าวลงทะเบียนร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" กับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ต่อมาการสืบสวนพบว่า รายละเอียดการสแกนซื้อสินค้าและจ่ายเงินมีความผิดปกติ โดยมีการโอนเงินเข้า - ออก จากแอพพลิเคชั่น แต่ไม่มีการซื้อสินค้ากันจริง ๆ ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และทำให้รัฐบาลได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ การสืบสวนล่าสุดพบผู้กระทำความผิดลักษณะเดียวกันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศมีอยู่ทุกภาค แต่ในท้องที่ บช.น.พบ 21 ราย ในท้องที่ สน.บางขุนเทียน มีการทำผิดกันหลายกรรมหลายวาระ จึงเดินทางมาแจ้งความกับทาง สน.บางขุนเทียน และดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 21 คน นั้น ประกอบด้วย เจ้าของร้านขายของชำ 1 ราย ญาติ ๆ 3 ราย และลูกค้า 17 ราย จากการสืบสวนหาพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดพบว่า แต่ละคนมีการสแกนซื้อสินค้าหลอก ๆ เพื่อนำเงิน 150 บาท จากโครงการ "คนละครึ่ง" มาใช้จริง โดยร้านค้าจะจ่ายให้ลูกค้า 100 บาท และเจ้าของร้านจะเก็บไว้เอง 50 บาท ผู้กระทำความผิดแต่ละรายสแกนแลกเงินกันหลายครั้ง หลายวาระ
พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ดำเนินการสอบสวนรอออกหมายเรียกตัวทั้ง 21 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนในข้อหาฉ้อโกง โดยมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีมีการทำผิดหลายกรรม หลายครั้ง โทษรวมกันก็จะสูงขึ้นไปอีก จึงอยากฝากประชาชน และเจ้าของร้านอย่าโกงกัน เนื่องจากมีโทษหนักและจะซ้ำเติมความเดือดร้อนเข้าไปอีก