ปตท.เตรียมปั้นพอร์ตลงทุนรับ New Energy แตะสัดส่วน 20-23% ในปี2573
ปตท.วางเป้าหมายขยายพอร์ตการลงทุนรับ New Energy แตะสัดส่วน 20-23% ภายในปี 2573 มุ่ง 6 ธุรกิจใหม่รับเทรนด์โลก ดันใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยในงานสัมมนา ส่องหุ้นไทย…ฝ่าวิกฤตโควิดระลอกใหม่ ช่วงที่ 1 ล้วงลึกหุ้นมหาชน…ก้าวสู่ Tech Company ธุรกิจแห่งโลกอนาคตซึ่งจัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันน้(25ก.พ.64) โดยระบุว่า เทรนด์ของโลกในปัจจุบัน หลายบริษัททั่วโลกกำลังปรับตัวและนำเรื่องของ Tech เข้ามาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ โดย ปตท.ก็มองว่าเทรนด์ของพลังงานในอนาคต จะมุ่งไป 2 เรื่อง คือ GO GREEN และ GO ELECTRIC ซึ่งในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพลังงานดังกล่าว ก็เชื่อว่า ก๊าซธรรมชาติ จะยังเป็นพลังงานที่สำคัญ และกลุ่ม ปตท.จะรุกเข้าสู่ Gas Value Chain โดยจะเห็นว่า ปตท.สผ.จะเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนโฟกัสเข้าไปในแหล่งก๊าซฯมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ปตท.จะได้กำหนดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด PTT by PTT หรือ Powering Thailand’s Transformation หรือ PTT ที่มุ่งหวังทำให้กลุ่มปตท. เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศไทย ที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ พัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทย
โดยปตท.จะต่อยอดการเติบโตจากธุรกิจหลัก เร่งพัฒนาและขยายธุรกิจใหม่ เข้าสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางโลก ใน 6 ด้าน ได้แก่ 1. New Energy 2. Life Science 3. Mobility & Lifestyle 4.High Value Business 5. Logistics & Infrastructure 6.AI & Robotics Digitalization ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ได้จับมือพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อมุ่งเข้าสู่ธุรกิจจพลังงานแห่งอนาคต
อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการพอร์ตฟอลิโอของ ปตท. แม้ว่าปัจจุบัน จะออกแบบได้ดีพอสมควรเห็นได้จากในปี 2563 ธุรกิจพลังงานหลายใหญ่ของโลก มีผลการดำเนินงานติดลบ และปตท.ยังสามารถประคองผลงานให้เป็นบวกได้ แต่ในอนาคตจะต้องปรับพอร์ตให้มั่นคงมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของพอร์ต New Energy เป็น 20-23% ซึ่งจะเข้ามาส่วนเสริมรายได้ให้กับพอร์ตของปตท.ในอนาคต
ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของปตท. และบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) และใช้วงเงินรวม 103,267 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน) และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 332,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย
