ดันฉีดวัคซีน5เมืองท่องเที่ยวหลัก! สร้างการยอมรับ‘เที่ยวไทยไม่กักตัว’
“วัคซีนพาสปอร์ต” (Vaccine Passport) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อยู่ระหว่างติดตามประกาศมาตรฐานกลางขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO เพื่อออกมาตรการให้สอดรับซึ่งมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นจาก “นักท่องเที่ยวต่างชาติ”
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่าปี 2564 จะมีการเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ระหว่างรอความชัดเจนมาตรการวัคซีนพาสปอร์ตแก่ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนก่อนเดินทางเข้าไทย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้สามารถขอใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) ได้โดยตรง รวมถึงการจัดทำ “Quarantine” ในรูปแบบต่างๆ รับความต้องการเที่ยวอย่างตรงจุด
ล่าสุดเตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ให้มี “แอเรีย ควอรันทีน” (Area Quarantine) เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ากักตัวที่โรงแรม 14 วัน แบ่งเป็นอยู่เฉพาะในห้องพัก 3 วันแรก อีก 11 วันถัดมาสามารถออกมาใช้ชีวิตนอกห้องพักได้ แต่ต้องอยู่ภายในบริเวณโรงแรมเท่านั้น
“มั่นใจว่า แอเรีย ควอรันทีน จะได้รับการอนุมัติจาก ศบค.ภายใน มี.ค. ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจมาเที่ยวไทยได้ทันที เพราะเป็นสิ่งที่หลายคนรออยู่ ทั้งราคาแพ็คเกจห้องพักยังต่ำกว่า วิลล่า ควอรันทีน ที่ได้รับการอนุมัติไปก่อนหน้านี้”
กระทรวงฯ ประเมินว่าชาติแรกที่น่าจะมาพักแอเรีย ควอรันทีน คือ “รัสเซีย” เพราะมีบริษัทนำเที่ยวของรัสเซียแจ้งความประสงค์มาว่าต้องการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) จากรัสเซียมาภูเก็ต วันละ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 300-400 คน ทั้งนักท่องเที่ยวพักผ่อนทั่วไป เดินทางแบบเดี่ยวและกรุ๊ปทัวร์ อีกชาติคือ “อินเดีย” มีดีมานด์เข้าไทยสูงโดยเฉพาะกลุ่มจัดงานแต่งงานซึ่งใช้จ่ายต่องานสูงมาก
สำหรับโรงแรมที่เสนอตัวเข้าร่วมเป็นแอเรีย ควอรันทีน กระจายอยู่ใน 5 เมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ ภูเก็ต 24 แห่ง จำนวน 2,752 ห้อง ชลบุรี 16 แห่ง 2,522 ห้อง กระบี่ 7 แห่ง 1,024 ห้อง เชียงใหม่ 1 แห่ง 130 ห้อง และ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) 10 แห่ง 288 ห้อง รวม 6,500 ห้องพัก พนักงาน 13,000 คน เป็นกลุ่มที่กระทรวงฯ เสนอให้ฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ
นภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวเสริมว่า กระทรวงฯ มุ่งผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่คนในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักซึ่งรับลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งวัคซีนเข้าไทยลอตแรก 2 แสนโดส เมื่อวันที่ 24 ก.พ. กระทรวงฯ ขอกันวัคซีนส่วนหนึ่งให้พนักงานโรงแรมและบริการใน 4 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก ภูเก็ต ชลบุรี (พัทยา) สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ จำนวน 5 หมื่นโดส ฉีดให้พนักงานโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นแอเรียควอรันทีน ส่วนวัคซีนลอต 2 ที่จะมาไตรมาส 3 ขอให้ สธ.ช่วยกันวัคซีน 5 ล้านโดส สำหรับประชากร 2.5 ล้านคนใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลัก (รวมกระบี่)
กระทรวงฯ ยังเป็นเจ้าภาพตั้งคณะทำงานดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย มีตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ มหาดไทย สธ. และภาคเอกชน
"หากประชากรใน 5 จังหวัดท่องเที่ยวหลักเข้าถึงวัคซีน 5 ล้านโดสในลอต 2 จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และประเทศต้นทางมีนโยบายให้เดินทางออกนอกประเทศได้เข้ามาท่องเที่ยวและจับจ่ายใน 5 จังหวัดนี้โดยไม่ต้องกักตัว! แต่ต้องได้รับการยินยอมจากชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ด้วย"
การเร่งปูพรมฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่น่าจะช่วยให้มีการยอมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวได้ นี่คือแนวทางเป็นไปได้ที่จะเห็นการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเร็วที่สุดไตรมาส 4 แต่หากรอมาตรฐานกลาง “วัคซีนพาสปอร์ต” จาก WHO คาดต้องรอราวไตรมาส 2 ปี 2565