CKP - ซื้อ

CKP - ซื้อ

จับตามองโครงการหลวงพระบาง

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

โครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้าหลวงพระบาง (กำลังการผลิต 1,460MW) เดินหน้าไปด้วยดี

ผู้บริหารบอกว่าโครงการนี้อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองค่าไฟฟ้าใน MOU กับ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1H64 และจะใช้เวลาอีกหกเดือนเพื่อเจรจาต่อรองสัญญา PPA เราประเมินว่าโครงการนี้ จะทำให้บริษัทมี upside 1.30 บาท/หุ้น โดยอิงจาก i) capacity factor ที่ 52% ii) อัตราค่าไฟฟ้าแบบเป็น
ขั้น (levelized tariff) ที่ 2.0 บาท/kWh iii) SCOD ในปี 2573 iv) บริษัทถือหุ้น 42% และ iv) ต้นทุนโครงการอยู่ที่ 2.5MUSD/MW

ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 5,000MW ภายในปี 2568

ผู้บริหารตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 5,000MW จากปัจจุบันที่ 2.2GW หรือ 3.7GW เมื่อรวมโครงการหลวงพระบาง (LPP) ซึ่งจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มอีก 1.3GW ทั้งนี้ ผู้บริหารกำหนดงบ CAPEX ปี 2564 เอาไว้ที่ 6 พันล้านบาท (4 พันล้านบาทสำหรับ LPP) และที่เหลือสำหรับทำดีล M&A
โครงการ solar ในประเทศไทย หรือโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว

คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 1H64 จะเพิ่มขึ้น YoY

ถึงแม้ว่าบริษัทจะขาดทุนสุทธิใน 1H63 แต่เราคาดว่าผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักใน 1H64 จะยังคงเป็นบวกเนื่องจาก i) โครงการ NN2 ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และ ii) ผลกระทบด้านบวกจากปรากฏการณ์ La Niña ต่อโครงการ NN2 และ XPCL (ในเดือนมกราคม และ
กุมภาพันธ์ 2564 กระแสน้ำในโครงการ NN2 และ XPCL สูงกว่าในปี 2563 แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายปี 2654 ที่ 5.9บาท โดยรวม upside 1.30 บาท/หุ้นจากโครงการหลวงพระบางเข้าในประมาณการของเรา เรามองว่าความคืบหน้าของโครงการหลวงพระบางจะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญของราคาหุ้นสำหรับทั้งในระยะสั้น และระยะกลาง ซึ่งรวมถึงผลกระทบ
ด้านบวกของปรากฏการณ์ La Niña ที่จะหนุนให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564 โตได้ถึง 317% ด้วย

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, ความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่, ภาวะภัยแล้ง