อินทรีฟื้น มังกรขึ้น อาเซียนรุ่ง
จับตาทิศทางเศรษฐกิจโลก หลังจากโจ ไบเดน เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะเดียววัคซีนโควิดเริ่มกระจายมากขึ้น ชณะที่จีน คู่ต่อสู้อันดับหนึ่งในเรื่องเศรษฐกิจการเมืองการทหารสหรัฐ ก็กำลังเข้มแข็ง
[บทความนี้ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2564 หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ]
ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งเดือน ประธานาธิบดี Joe Biden นำทีมแก้ไขปัญหาใหญ่อย่างทุ่มสุดตัว สัญญาอะไรไว้ช่วงหาเสียงก็ระดมพลังงานทำให้ได้ ชาวอเมริกันจับตามอง และให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นเพราะผลงานชัดเจน คะแนนนิยมของ Biden อยู่ระดับ 66-67% ซึ่งนับว่าไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนอย่างนี้มาก่อน
คาดว่าภายในปลายเดือน ก.พ.นี้ เงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่สัญญาไว้ จะผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาได้สำเร็จ โดยพรรคเดโมแครตคงไม่ได้รับคะแนนเสียงแม้แต่เสียงเดียวจากคู่แข่งคือ พรรครีพับลิกันและต้องใช้คะแนนเสียงจากวุฒิสมาชิกของฝั่งตน 50 คน ครบถ้วนห้ามแตกแถวเพื่อผ่านงบประมาณมหาศาลนี้ชาวอเมริกันหลายครอบครัวรอรับเงินช่วยเหลือเยียวยาชีวิตอีก 1,400 ดอลลาร์
การที่เงินสะพัด ไม่ว่าจะถึงมือใครก่อนหรือหลัง หรือจะผ่านกี่มือ ตลาดหุ้นซึ่งรอคอยข่าวนี้อยู่อย่างจดจ่อ ดัชนีก็จะพุ่งขึ้นอีก (ตลาดหุ้นอเมริกาขึ้น ที่อื่นก็เตรียมขึ้นด้วย) เงินคล่องตัวในระบบไม่ได้หมายความว่าฝนจะตกทั่วฟ้า ความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน คืออเมริกาสองระดับ ก็จะยิ่งห่างไปอีก เพราะกลุ่มคนที่มีเงินอยู่แล้วจะได้รับผลประโยชน์จากมูลค่าหุ้นในบริษัทต่างๆ ส่วนคนจนก็ต้องกัดฟันดิ้นรนต่อไป
โอกาสพลิกล็อกที่เงินมหาศาลก้อนนี้จะติดอยู่ที่สภาคงไม่มีครับ เพราะความนิยมของประชาชนต่อเรื่องนี้กว่า 60% ถึงจะมีขลุกขลักบ้าง แต่ก็จะอนุมัติไม่เกินวันที่ 15 มี.ค.แน่นอน เนื่องจากเงินช่วยเหลือปัจจุบันจะสิ้นสุดลงภายในวันนั้น
ตลาดหุ้นในอเมริกาที่กำลังขึ้นแรงลงเร็ว วูบวาบทุกวันตามข่าวลือและข่าวไม่สมบูรณ์ทั้งหลาย เช่น การเทขายหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ติดสีแดงมาหลายวันติดต่อกัน นักลงทุนหลายคนสะดุ้ง ก็เป็นเพียงการเต้นรำชั่วคราว ที่จริงแล้วนักลงทุนที่มีประสบการณ์แถมความหนักแน่นพอ ก็จะฉวยโอกาสซื้อหุ้นคุณภาพตอนขาลง
ปัญหาเฉพาะหน้าของอเมริกาที่สำคัญที่สุด ยิ่งกว่าเศรษฐกิจ ก็คือเรื่องโรคระบาด แม้ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกินกว่า 504,000 คนแล้ว (ผู้เสียชีวิตรายวันยังคงอยู่ที่ประมาณ 2,000 คน) แต่ก็มีความหวังเพราะการติดเชื้อลดลงกว่า 50-70% การฉีดวัคซีนเริ่มกระจายเกินกว่า 45,000,000 คน และมีบริษัทใหม่ Johnson & Johnson เผยข่าวดีเรื่องการฉีดวัคซีนเพียงแค่หลอดเดียวและได้ผลดีมาก เพิ่มกับสองยี่ห้อ (Pfizer & Moderna) ที่รัฐบาลอเมริกันกำลังจัดจ่ายให้ไปทั่วประเทศอยู่ ทำให้มีความหวังมากว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเป็นไปได้ว่าประมาณเดือน พ.ค.หรือ มิ.ย.นี้ อาจจะมีภูมิต้านทานทั่วประเทศ แม้ไม่ปลอดภัย 100% ก็ถือว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่อาจจะมีอิสระในการดำรงชีวิตและไปมาหาสู่กันมากขึ้น
มหาวิทยาลัยในอเมริกาเริ่มมีข่าวดีเรื่องนักศึกษาต่างชาติจะกลับเข้ามาอีก หลังจากที่ปี ค.ศ.2020 ยอดนักศึกษาต่างชาติลดลงไปถึง 43%
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา บ้านและที่อยู่อาศัยมียอดขายสูงขึ้น ความต้องการของประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน หลายคนไม่ต่อสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ แต่หาซื้อบ้านโดยใช้บริการออนไลน์บ้านที่อยู่นอกเมืองได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะการทำงานที่บ้านเป็นสิ่งที่ยอมรับกว้างขวาง และคาดว่าคนเป็นจำนวนมากจะไม่หวนกลับไปทำงานที่ออฟฟิศในตัวเมืองอีกราคาบ้านเพิ่มขึ้นในปีที่แล้วกว่า 10% แถมเดือน ม.ค.ปีนี้ยอดขายบ้านเพิ่มขึ้นอีก 4.3% หรือ 923,000 ดอลลาร์ หลังเทียบกับเมื่อปีที่แล้วในเดือนเดียวกัน 885,000 ดอลลาร์หลังราคาบ้านโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.3% หรือ 346,400 ดอลลาร์ต่อหลังดอกเบี้ยในการซื้อบ้านต่ำมากเป็นประวัติศาสตร์โดยเฉลี่ยเงินกู้ 15 ปี ดอกเบี้ย 1.9% และ 30 ปีประมาณ 2.4%
แต่ข่าวที่สำคัญและน่าภูมิใจที่สุดก็คือเรื่องของการที่รัฐบาลอเมริกันชุดนี้ทำงานอย่างจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม กลับมาร่วมมือสนธิสัญญาปารีส และแถลงชัดเจนในการให้ความร่วมมือกับทั่วโลก (197 ประเทศ) ผู้นำใหม่พยายามกู้ภาพพจน์ที่อเมริกาถอนตัวไป และทำให้โลกลดความศรัทธาเป็นเวลาสี่ปีการหันกลับมาประกาศชัดเจนเรื่องใช้วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งชี้นำและเป็นหลักการของการตัดสินใจ ทำให้ผู้นำหลายประเทศออกมาแสดงความยินดี และฝากความหวังให้อเมริกาเป็นหนึ่งในผู้นำสำคัญที่เป็นตัวเสริมและถ่วงดุลกับผลงานที่ดีมากของจีนในเรื่องนี้
ข่าวออกมาถี่มาก เรื่องสองยักษ์ใหญ่จะชนกัน ภาพที่กำลังสร้างขึ้นว่าจีนคือ คู่ต่อสู้อันดับหนึ่งในเรื่องเศรษฐกิจการเมืองการทหารต่างๆ เช่น ความตึงเครียดในเมียนมาเป็นตัวอย่างของการใช้ชั้นเชิงการทูตและการเมืองระหว่างประเทศ มีการวิตกว่าจะเป็นการชักศึกเข้าภูมิภาค ทำให้อิทธิพลทางการทหารของอเมริกาจะมาเผชิญหน้ากับจีน เพิ่มกับความตึงเครียดที่มีอยู่แล้วในทะเลจีนใต้ ข่าวสารเหล่านี้อาจสร้างความตระหนกและความกังวล เพราะสองมหาอำนาจศักยภาพสูงทั้งการสร้างสรรค์และการทำลาย
สหรัฐและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์และการแสดงออกหลายระดับ คุยกันในห้องรับแขกเรื่องหนึ่งและคุยกันในครัวอีกเรื่องหนึ่ง ปากพูดอย่างหนึ่งแต่ทำจริงอย่างหนึ่ง การสร้างภาพและหาคะแนนนิยม ก็เพื่อป้อนตลาดการบริโภคข่าวของประชาชนในประเทศของตนเอง ทั้งสองยักษ์ใหญ่นี้ได้ประโยชน์จากการทำมาค้าขายซึ่งกันและกันมากกว่าการประเชิญหน้า
ผู้นำไทยและทั้งกลุ่มอาเซียนคงอ่านเรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจน การวางตัวเป็นกลางหรือบางครั้งหากจำเป็นก็ดึงพลังจากด้านหนึ่งมาเป็นเครื่องถ่วงอำนาจอีกด้านหนึ่งเป็นความชำนาญและเสน่ห์ของเราอยู่แล้ว ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสำคัญต่อมหาอำนาจมาก เพราะฉะนั้นเราต้องรู้มูลค่าของเรา และร่วมมือกันเตรียมยุทธศาสตร์และปรับปรุงยุทธวิธีให้พร้อมเสมอ
อินทรีอเมริกาปีนี้ผงาด มังกรจีนก็กำลังเข้มแข็ง วิกฤติโลกปีที่แล้วเป็นการทดสอบว่า สิ่งที่ฆ่าเราไม่ตายจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ผมมั่นใจว่าปีนี้บ้านเราจะผ่านวิกฤติได้ และชีวิตแม้แนวใหม่ ก็จะแจ่มใส ค้าขายคล่องตัวครับ