กฟผ. ผนึก ทรู ทดสอบใช้งานเครือข่ายอัจฉริยะ 5G โรงไฟฟ้าแม่เมาะ
กฟผ. จับมือ ทรู ร่วมทดสอบเทคโนโลยี 5G ที่ กฟผ. แม่เมาะ ครั้งแรกในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าของไทย โดยนำเทคโนโลยีสุดล้ำ เชื่อมต่อและควบคุมการทำงานผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True 5Gหวังเสริมประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย และใส่ใจดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 นายปิยพงศ์ วรกี ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการและพัฒนาระบบสารสนเทศ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วย นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น ร่วมลงนาม MOU โครงการวิจัยและพัฒนาระบบสื่อสารและบริการ 5G สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าระหว่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ กลุ่มทรู โดยจะร่วมศึกษาและพัฒนาการนำโครงข่ายและอุปกรณ์ที่รองรับระบบ 5G มาทดสอบใช้งานที่ กฟผ. แม่เมาะ จ.ลำปาง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าในยุคดิจิทัล โดยมีนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. และนายพิชิต ธันโยดม หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
นายปิยพงศ์ วรกี ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการและพัฒนาระบบสารสนเทศ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. มุ่งปรับองค์กรให้พร้อมรับกับสถานการณ์พลังงานที่เปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของประชาชน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานจาก Hard Work เป็น Smart Work ให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และคล่องตัวเพิ่มขึ้น โดยนำร่องพัฒนาโรงไฟฟ้าของ กฟผ. สู่การเป็นโรงไฟฟ้าดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง แม่นยำ ควบคุมและสั่งการผ่านระบบดิจิทัล โดยใช้ระบบ AI วิเคราะห์และประมวลผลการทำงาน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการควบคุมโรงไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้โรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและมีความพร้อมจ่ายสูง
ส่วนด้านระบบส่งไฟฟ้า กฟผ. ได้นำระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) มาเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงพัฒนาระบบพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Forecast) ซึ่งจะช่วยให้สามารถคาดการณ์เพื่อวางแผนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้อย่างแม่นยำ และมีการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำเหมือง ที่เรียกว่า Smart Mining เพื่อให้การทำเหมืองมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และ ทรู ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าของไทยที่ร่วมทดสอบเทคโนโลยี5G ซึ่ง ทรู เป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายสำหรับการร่วมพัฒนาภายใต้กรอบระยะเวลาความร่วมมือ 1 ปี โดยนำเทคโนโลยีมาทดสอบใช้งานที่ กฟผ. เหมืองแม่เมาะ ซึ่งระหว่างการทดสอบนี้ กฟผ. จะเก็บข้อมูลด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อไป โดยถือว่าความร่วมมือดังกล่าวจะยังไม่มีข้อผูกพันทางการค้า หรือการจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีสำหรับนำมาใช้งานของ กฟผ. ในอนาคต ซึ่ง กฟผ. มีความยินดีและพร้อมให้ความร่วมมือทดสอบเทคโนโลยี 5G กับเครือข่ายอื่น ๆ ด้วย
นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับ กฟผ. ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรมยุค 4.0 และนับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของกลุ่มทรูในการนำ 5G มาสร้างสรรค์นวัตกรรมที่แตกต่างและใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ตอกย้ำความเป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล และ True 5G เครือข่ายอัจฉริยะรายแรกรายเดียว ครบกว่า เร็วแรงยิ่งกว่า ครอบคลุมกว่า ทุกการใช้งาน
โดยความร่วมมือกับ กฟผ. ในครั้งนี้ ทรูได้ติดตั้งเครือข่าย True 5G เทคโนโลยี 5G Standalone (SA) เพื่อทดสอบที่ กฟผ. เหมืองแม่เมาะ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ 5G Fixed Wireless Access (FWA) เพิ่มความครอบคลุมทั่วพื้นที่เหมืองแม่เมาะ โดยเฉพาะในบริเวณที่ไม่สามารถลากสายสัญญาณได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-ส่งข้อมูลแบบไร้สาย พร้อมนำศักยภาพของเทคโนโลยีโครงข่ายที่ให้ความเร็วสูงในการใช้งาน รองรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้จำนวนมาก ทั้งยังมีความเสถียรและมีความหน่วงต่ำ มาต่อยอดพัฒนาเป็นโซลูชันต่าง ๆ เพื่อการใช้งานในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือในการพัฒนาระบบตรวจสอบลานกองถ่าน (Stockpile) ด้วยโดรนที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงและตรวจจับความร้อนในลานกองถ่าน โดยมีการประมวลผลแบบเรียลไทม์ รวมถึง แว่น AR ทำงานร่วมกับกล้องวิดีโอ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานซ่อมบำรุง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กลุ่มทรูได้พัฒนา 5G โซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร สาธารณสุข และการขนส่ง สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของกลุ่มทรูที่สามารถส่งมอบบริการ 5G ที่สร้างประโยชน์ในหลากหลายมิติ ทั้งในภาคธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล และยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยและสังคมไทยที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ในทุกรูปแบบ