บจ.'ปันผล'ปี 63 วูบ กำไรทรุดเฉียด 50% พบ 13 บริษัทแกร่ง จ่ายเพิ่ม
บจ.ปี63จ่าย"ปันผล" 2.36 แสนล้าน ลดลง 1.28 แสนล้าน หรือ 35.15% จากปี62ที่จ่าย 3.65 แสนล้าน พบ 24 บจ.จ่ายน้อยลง ขณะที่งดปันผล2 บริษัท ตลท. ชี้จากพิษโควิด ฉุดกำไรบจ.ดิ่งเฉียด50% “แมนพงศ์” คาดปีนี้เศรษฐกิจฟื้น-วัคซีน หนุนกำไรบจ.-ปันผลปี64เพิ่มขึ้น
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและ เศรษฐกิจไทยติดลบ ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 2563 ปรับตัวลง เกือบ50%จากปี 2562 จึงทำให้บจ.มีการ"จ่ายเงินปันผล"ลดลง เช่นกัน
จากการรวบรวมข้อมูลบจ.ในSET50 (ไม่รวม OR SCGP และ BAM)พบว่า ปี 2563จ่ายปันผลรวม 236,941 ล้านบาท ลดลง 128,476 ล้านบาท หรือ 35.15% จากปี2562ที่จ่ายรวม 365,417 ล้านบาท แบ่งเป็น 24 บริษัทจ่ายปันผลลดลง ,จ่ายเท่าเดิมจำนวน 8 บริษัท ,ขณะที่13 บริษัทจ่ายเพิ่มขึ้น และมี 2 บริษัทที่งดจ่ายปันผล คือ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT) และ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป(AWC)
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 2563 ปรับตัวลงเกือบ 50% จากปี 2562 ซึ่งมีผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลปรับตัวลดลง โดยจากการรวบรวมข้อมูลบจ.ใน SET50 พบว่า บจ.ที่จ่ายปันผลลดลงมี 29 บริษัท คิดเป็น 58% จ่ายเงินปันผลคงเดิม 8 บริษัท คิดเป็น 16% และบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมากขึ้นมีจำนวน 13 บริษัท คิดเป็น 26%
สำหรับ บจ.ที่มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น เช่น
- บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) อยู่ที่ 0.45 บาท จากงวดปี 2562 ที่จ่าย 0.37 บาท
- บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) จ่ายที่ 2.12 บาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่จ่าย 1.61 บาท
- ธนาคารกรุงไทย (KTB) จ่ายปันผล 0.75 บาท จากปี 2562 ที่จ่าย 0.72 บาท
- บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) ที่จ่าย 0.53 บาท จากปีก่อนที่จ่าย 0.50 บาท
ขณะที่ บจ.ที่จ่ายเงินปันผลเท่ากับปี 2562 เช่น
- บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) จ่ายอยู่ที่ 0.55 บาท
- บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH)ฺ จ่ายที่ 3.20 บาท
- บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (ฺEA) จ่ายที่ 0.30 บาท
- บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) จ่ายที่ 6.50 บาท
ส่วน บจ.ที่มีการจ่ายเงินปันผลลดลง เช่น
กลุ่ม ปตท. โดย บมจ.ปตท. (PTT) จ่ายที่ 1 บาท จากงวดปี 2562 ที่จ่าย 2 บาท
บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) อยู่ที่ 4.25 บาท จากงวดปี 2562 ที่จ่าย 6 บาท
บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) อยู่ที่ 1 บาท จากปี 2562 ที่จ่าย 2 บาท
บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) จ่ายที่ 2.62 บาท จากเดิมที่ 2.5บาท
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กำไรบจ.งวดปี 2563 ลดลงเกือบ 50% จากงวดปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 8.66 แสนล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลกดดันจากการรวมงบของ บมจ. การบินไทย (THAI) ที่รายงานผลขาดทุนกว่า 1.41 แสนล้านบาท
ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลของบจ.ส่วนใหญ่ลดลงเช่นกัน เพราะนโยบายการจ่ายเงินปันผลจะผันแปรตามกำไรสุทธิ แต่ยังพบว่าบางอุตสาหกรรมที่ยังสามารถทำกำไรได้ดีท่ามกลางโควิด-19 เช่น ธุรกิจอาหาร หรือธุรกิจเทคโนโลยี เป็นตเน ส่งผลให้บจ.บางส่วนประกาศจ่ายเงินปันผลเท่ากับปีก่อน และบางส่วนประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราที่เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป เพราะยังไม่มีแผนการใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 จึงจ่ายปันผลเพิ่ม
“เบื้องต้นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมข้อมูล จะเห็นว่าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากโควิด-19 ยังมีอัตราการจ่ายปันผลที่ดี ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจที่มีรายได้ทรงตัว เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า ก็ยังสามารถจ่ายปันผลในอัตราที่น่าสนใจเช่นกัน สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย” นายแมนพงศ์ กล่าว
ขณะที่อุตสาหกรรมที่มีการจ่ายเงินปันผลลดลง คือกลุ่มพลังงาน เพราะกำไรสุทธิหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน จากผลกระทบราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ ที่ปรับตัวลงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากความต้องการใช้พลังงานที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ
นายแมนพงศ์ กล่าวว่า แนวโน้มกำไร และการจ่ายเงินผลงวดปี 2564 คาดว่าจะดีขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อีกทั้งปัจจุบันมีความคืบหน้าของแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากข้อมูลของบลูมเบิร์กพบว่าอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) ของหุ้นไทยในดัชนี SET50 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2% จากเดิมอยู่ที่ 3% ในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 สอดคล้องกับกำไรสุทธิของ บจ.ที่ปรับตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ บางบริษัทยังเสนอจ่ายปันผลเป็นหุ้นทดแทนการจ่ายปันผลเป็นเงินสด เพื่อรักษาสภาพคล่องเอาไว้ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่หุ้นในกลุ่มธนาคาร ซึ่งเดิมเป็นกลุ่มที่มีอัตราเงินปันผลที่สูง ถูกกำกับดูแลการจ่ายปันผลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยระบุไม่ให้ธนาคารจ่ายปันผลเกินอัตราการจ่ายของปี 2562 รวมถึงให้จ่ายไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิปี 2563 ซึ่งแนวโน้มการจ่ายปันผลงวดปี2564คาดว่าจะดีขึ้นจากงวดปี 2562 เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ. คาราบาว กรุ๊ป (CBG) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลงวดปี2563 อยู่ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2562 ที่จ่ายปันผลหุ้นละ 1.70 บาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปี 2564 คาดว่าจะยังสามารถจ่ายเงินปันผลเพื่อเป็นผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับที่ดีต่อไป สอดคล้องกับรายได้ปีนี้ที่ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 25%จากปีก่อน