'อสังหาฯไฮบริด ' ทางรอดในยุคโควิด
อธิป พีชานนท์ ส่งสัญญาณเตือนดีเวลลอปเปอร์ รักษาสภาพคล่อง 2ปีล่วงหน้า ดีไซน์รับพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป ลีนองค์กรแบบไร้รอยต่อรับมือการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวสู่ไฮบริด คอนเซอร์เวทีฟ ประคองตัวเพื่อความอยู่รอด ระบุไม่ใช่เวลาเหยียบคันเร่ง แนะวางแผนถอย
นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานเสวนา“วิสัยทัศน์ใหม่ ประเทศไทย 2564” ว่า การบริการจัดการธุรกิจอสังหาฯ ยุคนี้ต้องใช้อินฟอร์เมชั่นจากเดิมใช้ความรู้สึก เนื่องจากอสังหาฯอยู่ด้วยตนเองไม่ได้ต้องอาศัยปัจจัยภายนอก หลักๆก็คือ สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด ทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศ เป็นตัวกำหนด
"สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนว่า คนซื้อบ้านยังไม่มั่นใจสภาพเศรษฐกิจ เพราะว่า คนที่ซื้ออสังหาฯต้องใช้สินเชื่อในการผ่อนชำระระยะยาว เขาต้องมีความมั่นใจในรายได้และโอกาสในอนาคต"
นายอธิป ระบุว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาฯต้องระมัดระวังอันดันแรกคือ เรื่องสภาพคล่องเผื่อไว้ 2ปีล่วงหน้าเพื่อบริษัทให้อยู่รอด เรื่องที่สองการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป เรื่องที่สามคือการจัดองค์กรให้ลีนและไร้รอยต่อเพื่อรองรับกับความเปลี่ยน ดังนั้นอสังหาฯในยุคนี้ต้องเป็นลูกผสมเป็นไฮบริดนำเอาดิจิทัลเข้ามา เช่น บิ๊กดาตา แต่ยังไม่ได้ทรานฟอร์มสู่ออนไลน์100 % เพราะลูกค้ายังคงต้องการมาดูบ้านก่อนตัดสินใจซื้อ
" อสังหาฯช่วง2 ปีนี้ผู้ประกอบการ ควรคอนเซอร์เวทีฟประคองตัวเพื่อความอยู่รอด ไม่ใช่เวลาเหยียบคันเร่งในเวลาที่รถติด และะต้องวางแผนถอยเผื่อไว้ ผมไม่อยากเห็นหลังโควิดผู้ประกอบการเจ๊งและรอดตายมาได้ไม่กี่คน"
นายอธิป กล่าวว่า สิ่งที่เปลี่ยนหลังโควิดอสังหาฯในกรุงเทพฯจะไม่กระจุกตัวส่วนกลาง เพราะคนทำงานที่บ้านมากขึ้น คนจะหันไปอยู่หัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแหล่งงาน ในกรุงเทพฯ สัดส่วนคอนโดและบ้านเท่ากัน ส่วนต่างจังหวัดบ้านจะมากกว่าคอนโด และหลังโควิด ขนาดที่อยู่อาศัยจะเล็กลง มีการแยกเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น การออกแบบที่อยู่อาศัยจะเน้นออกแบบคุ้มค่าในการใช้พื้นที่ เพราะราคาที่ดินเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องออกแบบมัลติฟังก์ชั่นมากขึ้น เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในบ้าน ที่มากกว่าการอยู่อาศัย คือ สามารถทำงาน ทำอาหาร พักผ่อนได้ รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยและสุขลักษณะมากขึ้นด้วย